LET'S EAT LONDON—VEGETARIAN HEAVEN ON EARTH

เป็นนักเรียนนอก อยู่หอ สิ่งที่ต่างจากเพื่อนๆ ที่เรียนในไทยลิบลับคือเรื่องอาหารการกิน เพื่อนที่ไทยนี่ไปร้านนู้นร้านนี้ หน้ามอ หลังมอ กินข้าว...


เป็นนักเรียนนอก อยู่หอ สิ่งที่ต่างจากเพื่อนๆ ที่เรียนในไทยลิบลับคือเรื่องอาหารการกิน เพื่อนที่ไทยนี่ไปร้านนู้นร้านนี้ หน้ามอ หลังมอ กินข้าวนอกบ้านกันทุกวัน อยู่อังกฤษนี่ถ้าไม่รวยจริงๆ ทำไม่ได้นะคะ สำหรับฉันกินข้าวนอกบ้านอาทิตย์ละครั้งก็หรูแล้ว (ส่วนมากมักจะให้โควต้าไปกับการซื้อเค้กมากกว่า...) อาหารหลักๆ ที่กินประจำเลยจะมีแต่แซนวิช (เวลามีเรียน) สลัด (คิดอะไรไม่ออกก็นี่เลย) ผักต้ม ซุปผัก ซุปถั่วเลนทิล (อย่างเดียวที่ทำอร่อย) แซลมอนบ้างอาทิตย์ละครั้ง ข้าวผัดบ้างเวลาไม่ขี้เกียจล้างกระทะ ส่วนเพื่อนที่ไทยก็จัดไปสิ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ สุกี้ ส้มตำ ต้มแซ่บ เบอร์เกอร์ สเต็ก ข้าวแกง บลาบลา

สรุปง่ายๆ ว่าทุกข์อย่างเดียวของเด็กนักเรียนนอกคงหนีไม่พ้นเรื่องอาหารการกิน

ปัญหาของฉันไม่ใช่คิดถึงอาหารไทย ปกติเป็นคนชอบอาหารฝรั่งอยู่แล้ว ตอนอยู่เยอรมันกินอาหารฝีมือโฮสก็ไม่แฮปปี้ดี ประเด็นคืออยู่ที่นี่ไม่มีใครทำให้กินแล้ว ต้องจัดการเองทุกมื้อ ไอ้เราจะกินอะไรดี ขี้เกียจทำ ขี้เกียจเก็บ เลยได้มาแต่เมนูเดิมๆ อย่างแซนด์วิช ซุป และสลัด วนไปวนมาอยู่อย่างนี้ กินวันสองวันก็อร่อยดีเพราะชอบขนมปัง ชอบสลัด แต่กินซ้ำๆ ทุกวันเข้าก็เบื่อเป็นเหมือนกัน



การไปลอนดอนเลยเปรียบเสมือนได้ขึ้นสวรรค์หนึ่งอาทิตย์เต็มๆ ที่ไม่ต้องทำกับข้าวเอง แถมได้กินของอร่อยและมีประโยชน์จนพุงกาง

ก่อนออกเดินทางนี่ก็เตรียมหาข้อมูลร้านอร่อยเต็มที่เหมือนทริปไปกินดีๆ นี่เอง แต่ด้วยความที่ฉันไม่กินเนื้อ (แต่กินปลา) เลยพยายามโฟกัสไปที่ร้านอาหารเจราคาไม่แพงจนเกินไป ส่วนแพลนการท่องเที่ยวอื่นๆ ในลอนดอนก็ขึ้นอยู่กับร้านอาหารที่อยากไปกินนั่นเอง

ไม่ค่อยเห็นแก่กินเท่าไหร่เลยเนอะ

เริ่มจากอาหารการกินตามตลาดก่อนเลยละกัน

Sunday Upmarket—Brick Lane


มันคือสวรรค์ของคนรักอาหารแท้ๆ ตลาดแห่งนี้รวบรวมอาหารจากทั่วโลกมาไว้ใน indoor market ทั้งอาหารยอดนิยมอย่าง Paella จากสเปน ผัดไท ซูชิ เครป ฟาลาเฟล เครป ไปจนถึงอาหารแปลกๆ จากแคริบเบียน เปอร์เซีย ทิเบธ และอีกหลายประเทศทั่วโลก ในราคาประมาณ 5-6£ ซึ่งถือว่าไม่แพงเลยสำหรับปริมาณอาหารอิ่มไปทั้งวันที่ได้ ไอ้ความหลากหลายนี่เองทำให้ฉันต้องเดินวนไปวนมาอยู่สามรอบ เพราะเลือกไม่ถูกว่าจะกินอะไรดี ถ้าไปหลายคนคงสนุกสนานซื้อมาแบ่งกันกิน แต่นี่ไปคนเดียว เลือกได้ครั้งเดียวเนี่ยสิ

สุดท้ายฉันมาลงเอยที่อาหาร vegan จากเอธิโอเปียเพราะความแปลกของมัน แม้จะอยากกินผัดไทสุดๆ แต่ร้ายอาหารไทยนั้นเกลื่อนเมืองไปหมด ในขณะที่อาหารเอธิโอเปียนนี่เกิดมาเพิ่งเคยเห็น


ฉันสั่งอะไรสักอย่างที่เต็มไปด้วยถั่ว, cous cous, มะกอก และแผ่นแป้งเปรี้ยวๆ (ที่ไม่อร่อยเลยสักนิด) ชื่อ Injera จานที่ได้มานั้นเยอะมากแบบจากหิวไส้กิ่วนี่อิ่มไปถึงดึก ส่วนรสชาตินั้นใช้ได้เลยทีเดียว (ยกเว้นแผ่นแป้งนะ อย่าไปสั่ง) ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะหิวรึเปล่า

จริงอยู่ว่ากินเสร็จแล้วโคตรอิ่ม แต่ด้วยความที่เป็นคนขาดหวานไม่ได้ เลยค่อตบท้ายด้วยบิสกิตใส้คาราเมล dulce de leche จากอาเจนติน่าสักหน่อย ชิ้นเล็กๆ กำลังดีสำหรับคนท้องจะแตก หวาน หอม อร่อย ปิดท้ายมื้อแรกในลอนดอนของฉันได้ดีเลยทีเดียว

Kahaila Cafe—Brick Lane


แม้ลอนดอน (และลิสที่กินของฉัน) จะเต็มไปด้วยคาเฟ่น่านั่งเต็มไปหมด แต่ฉันกลับไม่ค่อยได้ไปนั่งชิลเท่าไหร่นัก เพราะมักจะกินมื้อกลางวันอิ่มเกินพอดี ทำให้ไม่เหลือที่ว่างให้ afternoon tea แต่พอได้กลับมาที่ bricklane กับเพื่อนชาวสิงคโปร์อีกครั้ง เราตัดสินไปนั่งคุยกันเพลินๆ ในคาเฟ่ และ Kahaila Cafe ก็เป็นร้านกาแฟที่ลงตัวสุดๆ ทั้งการตกแต่งน่ารักๆ โต๊ะไม้สไตล์ handmade และเค้กหน้าตาน่ากิน

สิ่งที่ได้ใจฉันไปเต็มๆ คือคอนเซ็ปต์ของร้านกาแฟแห่งนี้ ที่เป็นเหมือนสังคมเล็กๆ มันไม่ใช่แค่ร้านกาแฟ แต่เป็นทั้งแกลเลอรี่ มีคลาสเรียนโยคะ และอีเว้นท์ต่างๆ มากมาย นอกจากนี้ยังจดทะเบียนเป็น charity และเป็น "โบสถ์" ที่มี service ทุกๆ เย็นวันพุธอีกด้วย

บอกแล้วว่าร้านนี้ไม่ธรรมดา

แม้ว่า soy milk chai latte ที่ฉันสั่งจะหวานเกินพอดีไปนิด แต่ถ้าได้กลับไปลอนดอนอีกเมื่อไหร่จะกลับไปที่ร้านนี้อีกแน่นอน

Dum Dums Doughnut—Shoredict



มันคือร้านโดนัทที่ดึงดูดคนรักษาหุ่นได้ดียิ่งนัก เพราะคอนเซ็ปต์ของร้านนี้คือ baked doughnuts หรือโดนัทที่ใช้อบเอานั่นเอง สั้นๆ จากปากคนรักขนมหวานว่ามันอร่อยสุดๆ ไปเลย

Borough Market—London Bridge and Broadway Market—Bethnal Green


ถ้าไม่มีเวลาไปทั้งสองตลาดนี้ แนะนำให้ไป Broadway Market เพราะอาหารที่ขายนั้นแทบจะเหมือนกัน แต่ Borough จะวุ่นวายและเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว ในขณะที่ Broadway นั้นบรรยากาศดีสุดๆ เพราะเป็นตลาดกลางแจ้ง ตลอดถนนมีนักดนตรีเปิดหมวกเต็มไปหมด แถมยังมีคนเต้นซัลซ่าไปกับนเพลงที่นักดนตรีเปล่านั้นเล่นอีกต่างหาก ฉันนี้ตกหลุมรัก Broadway Market สุดๆ ไปเลย


ตอนแรกฉันว่าจะไม่กินข้าวเที่ยงที่ตลาดเหล่านี้นะ แต่พอเดินผ่าน The Veggie Table ร้านเบอเกอร์เจแล้วมันอดใจไม่ไหวจริงๆ ฉันสั่ง chickpea burger ใน savoy cabbage (ซึ่งกินยากมาก คราวหน้าจะสั่งใส่ขนมปังเหมือนคนปกติเขา) ตัวเบอเกอร์มันแหยะๆ ไปนิด น่าจะสั่ง halloumi burger แทน

พูดง่ายๆ คือจะกลับไปกินอีกนั่นเอง

แต่ที่ประทับใจสุดๆ คือซาโมซ่าจากร้านอาหารเจอินเดีย Gujarati Rasoi ทอดเสร็จใหม่ๆ ร้อนๆ กรอบนอกนุ่มใน รสชาติลงตัวแบบเพอร์เฟ็คสุดๆ คราวหน้าจะลองชิม thali ของร้านนี้ดู


สองร้านด้านบนนั้นมีที่ตลาดทั้งสองแห่ง แต่ร้าน Breadahead ชื่อดังอยู่ที่ Borough Market อย่างเดียวเท่านั้น ฉันลองซื้อ olive & cheese stick มาชิมดู แม้รสชาติจะให้ได้ (และชิ้นใหญ่มาก) แต่มันเย็นๆ ไม่มีความสดใหม่ ทำให้ฉันรู้สึกว่าเบเกอรี่ร้านนี้มัน overrated สุดๆ ถ้าเอาไปอุ่นกินร้อนๆ ที่บ้านอาจจะอร่อยกว่านี้ก็ได้

Books For Cooks—Notting Hill


นี่คือร้านที่ฉันประทับใจมากที่สุดตลอดทัวร์ตะลอนกินเจ็ดวันในลอนดอน เพราะมันตรงตามความต้องการของคนที่หลงรักทั้งหนังสือและอาหารอย่างฉันเต็มๆ

Books For Cooks ไม่ใช่ร้านอาหาร แต่คือร้านขายหนังสือทำอาหารที่เสิร์ฟมื้อกลางวันแบบ  3-course ในราคาเพียง 7£ (หรือ 2-course ในราคา 5£) เท่านั้น!! นอกจากจะราคาถูกแล้ว สเน่ห์ของร้านนี้อยู่ที่อาหารที่ทำเสิร์ฟในแต่ละวันจะถูกเลือกออกมาจากหนังสือทำอาหารที่อยู่ในร้าน เป็นการแสดงให้เห็นว่าร้านนี้เขาเชื่อใจตำราอาหารเหล่านี้สุดๆ แต่ละวันจะทำอาหารเพียงเมนูเดียวเท่านั้น คือซุปหนึ่งอย่าง อาหารจานหลักหนึ่งอย่าง และเค้กอีกสามก้อน สามแบบ พูดง่ายๆ คือไม่สามารถเลือกได้ว่าอยากกินอะไร แต่ทางร้านจะมีธีมว่าทุกวันอังคารจะเป็นอาหารมังสวิรัติ และวันศุกร์จะเป็นปลา

ฉันเลือกไปในกินปลาวันศุกร์ พนักงานที่ร้านบอกว่าให้ไปรอกันตั้งแต่ก่อนเที่ยงเพราะทั้งที่นั่งทั้งอาหารจำกัด แค่บ่ายโมงเขาอาหารก็หมดแล้ว


เมนูวันนั้นคือ roasted celery soup กับ smoked haddock risotto และเค้กก้อนเบอรเริ่มอีกสามก้อน อาหารคาวติดเค็มไปนิด แต่ที่อร่อยแบบน่าประทับใจสุดๆ คือเค้กอัลมอนด์ ป๊อปปี้ซี้ดกับราสเบอร์รี่และ ricotta cheese ราดด้วย dark chocolate sauce ชิ้นใหญ่ ขนาดฉันอิ่มจากซุปและ risotto แล้วยังสามารถรับรู้ได้ถึงความหอมหวานของตัวเค้ก ตัดกับรสเปรี้ยวของเบอร์รี่และรสขมนิดๆ ของช็อคโกแลตได้อย่างลงตัวสุดๆ


พิมพ์ไปน้ำลายไหลไป ถ้าได้ไปลอนดอนอีกเมื่อไหร่จะรีบกลับไปเยี่ยมร้านนี้ทันที


222 Veggie Vegan—West Brompton/West Kensington


ร้านอาหารวีแกนแห่งนี้มีบุฟเฟต์ราคา 7.5£ สำหรับมื้อกลางวัน ฉันกับเพื่อนชาวรัสเซียไปถึงตอนเที่ยว ในร้านว่างเปล่าไม่มีลูกค้าสักคน จนฉันเริ่มกลัวว่ามันจะอร่อยจริงรึเปล่าเนี่ย

ในไลน์บุฟเฟต์มีสลัดให้เลือกห้าอย่าง (avocado, tomato cucumber, roasted aubergine with rocket, coleslaw และ beet and bean sprout) กับข้าวสามอย่าง (แกงถั่ว chickpea ผัดผักบรอคโคลี่ และ เต้าหู้กับแครอท 'omlette') กินกับข้าวกล้อง หรือมันฝรั่ง/มันหวานอบ ตบท้ายด้วยกล้วยอะไรสักอย่างที่คล้ายๆ กล้วยน้ำว้าบ้านเรา


ฉันจัดเต็มไปสองจานใหญ่ๆ จนคุ้มค่าบุฟเฟต์ (และคุ้มกับที่ไม่ได้กินอาหารนอกบ้านมานาน) อิ่มไปถึงมื้อเย็นเลยทีเดียว

ร้านนี้ราคาแอบแพงไปนิด เมื่อเทียบกับเมนูที่ไม่ได้มีมากเท่าไหร่นัก คราวหน้าถ้าไปอีกอาจจะซื้อแบบบุฟเฟต์ใส่กล่อง takeaway เพราะราคาแค่ 5.5£ เท่านั้น

Food For Thoughts—Covent Garden

คาเฟ่เล็กๆ ที่มีที่นั่งชั้นใต้ดินแห่งนี้คือร้านอาหารมังสวิรัตที่ฉันชอบมากที่สุดในลอนดอน ด้วยราคาที่ไม่แพงจนเกินไป และอาหารรสชาติเยี่ยม


เมนูของร้านนี้จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทุกวัน สิ่งที่จะมีอยู่บนเมนูเสมอคือซุป, quiche, อาหารหลักอีกสามอย่าง เช่นสตู แกง หรือ gratin และสลัดอีกสามสี่ชนิด ละจะมี meal deal ประมาณว่า soup&salad 7.5£

วันนี้ที่ไปฉันสั่ง quich&salad ในราคา 8.5£ ดูเหมือนน้อย ดูเหมือนแพง แต่ quiche ที่ได้ชิ้นค่อนข้างใหญ่ ส่วนสลัดนั้นอร่อยและเยอะมาก มีทั้งผักสลัด สลัด cous cous สลัดมันฝรั่ง และสลัดดอกกะหล่ำ เป็นอีกมื้อที่อิ่มอร่อยไปถึงเย็น แม้จะอยากกินขนมหวานอย่าง scrunch หรือ crumble ต่อก็ไม่ไหวแล้วจริงๆ

ร้านนี้ต้องกลับไปเยี่ยมอีกแน่นอน!
(เห็นพูดแบบนี้เกือบทุกร้าน ที่ไปลอนดอนอีกรอบคงหนีไม่พ้นทริปกินอีกแน่ๆ)

Vitao Vantra—Tottenham Court


ร้านนี้ค่อนข้างแพง แต่อาหารหลากหลายสุดๆ โชคดีที่มี meal deal มาช่วยชีวิตไว้ เป็นบุฟเฟ่ต์ตักใส่กล่อง กล่องเล็กราคา 6.5£ ซึ่งอิ่มกำลังดี แต่อาหารคือเยอะจนเลือกไม่ถูก มีข้าวกล้อง ข้าวผัด ข้ามต้มคีนวา แกงสามสีอย่าง ผัดผักสามสีอย่าง สลัดอีกเยอะแยะ พวกแกงนี่อร่อยสุดๆ เสียอย่างเดียวที่มันเป็นแบบตักใส่กล่อง ตักได้ครั้งเดียว ไม่ใช่บุฟเฟต์ อาหารมันเลยปนๆ กันในกล่อง เสียรสชาติและความงามไปนิด แต่ก็ยังอร่อยอยู่ดีนั่นแหละ


ถ้าไม่เอา meal deal เขาจะขายอาหารตามน้ำหนัก ซึ่งค่อนข้างแพงพอสมควร ส่วนมื้อเย็นจะเป็น A La Carte เอาไว้ป๊ากับแม่มาเยี่ยมค่อยพาไปกินละกัน (จะได้มีคนจ่ายตัง)

ในไลน์บุฟเฟต์ที่ไม่มีขนมหวานให้ แต่ที่ร้านจะมีขาย raw cakes & desserts หน้าตาน่ากินอยู่หลายอย่าง แต่ด้วยราคาที่ค่อนข้างแพง เลยขอบาย เอา nakd bar มาแทะเล่นอย่างมีความสุขแทน

Sagar—Godge Street/Tottenham Court

มาลอนดอนแล้วไม่กินอาหารอินเดียนี่เหมือนมาไม่ถึงนะ (ฟังดูแปลกๆ แต่มันคือความจริง...) Sagar เป็นร้านมังสวิรัติอินเดียนที่มี lunch deal เป็น thali ในราคาเพียง 5.95£ ต้องบอกก่อนว่านอกจากแกงกับซาโมซ่าแล้ว ฉันไม่เคยกินอาหารอินเดียอย่างอื่นมาก่อนในชีวิต ไอ้ thaili มันคืออะไรตอนสั่งก็ไม่รู้หรอก เห็นมันถูกเลยเอาอันนี้แหละ อยากลองอาหารใหม่ๆ ด้วยไงล่ะ


starter มาเป็นแผ่นแป้งกรอบๆ คล้ายข้าวเกรียบกับดิปสี่ชนิด บางอันเปรี้ยว บางอันเผ็ก บางอันหวาน รสชาติแปลกใหม่ดี ส่วนเจ้า thali นั้นเสิร์ฟมาพร้อมกัยข้าวผัด เครป dosa กรอบๆ มันๆ สไตล์อินเดีย มันฝรั่งบด แกง ซุป น้ำจิ้ม โยเกิร์ตดิป และของหวานคล้ายๆ ซาหริ่มในนมที่หวานเจี๊ยบจนฉันกินไม่ลง

เหมือนขันโตกสไตล์อินเดียดีๆ นี่เอง

ข้าวผัด เครป แกง และซุปนั้นรสชาติใช้ได้ แต่กินๆ ไปรู้สึกอาหารมันเลี่ยนๆ มันๆ ไปซะทุกอย่าง ถือเป็นประสบการณ์ในร้านอาหารอินเดียครั้งแรกกของฉัน แม้จะไม่ประทับใจเท่าไหร่แต่ต้องมีครั้งที่สองแน่นอน คราวหน้าอาจจะไปต้องไปกับคนที่เขารู้จักอาหารอินเดียละมั้ง จะได้มีคนคอยแนะนำและช่วยสั่งให้

กลับจากทริปนี้แล้ว ฉันมานั่งลิสสิ่งที่ยังอยากทำ อยากไป และอยากชิมในลอนดอนออกมาได้ยาวเหยียด (โดยเฉพาะไอ้อยากชิมเนี่ย ตัวดีเลย) เพราะฉะนั้นคิดว่าคงได้มี let's eat london part II อีกแน่นอน




You Might Also Like

0 comments

Flickr Images