ตอนที่ใช้ชีวิตเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนหนึ่งปีในเยอรมนี ฉันได้ไปเที่ยวมาเกือบทุกทิศทั่วประเทศ (แค่เกือบนะ ต้องกลับไปทัวร์อีกรอบถึงจะครบ) ตั้งแต่เหนือสุดอย่าง Hamburg, Schwierin, Bramen, Luebeck, Berlin, Potsdam, Koeln (Cologne), Heidelberg, Schwarzwald (Black Forest), Ludwigsburg, Stuttgart, Baden Baden, ​Europa Park, Freiburg, Konstanz (Constance), Meersburg, Neuschwanstein Castle, Allgaeu, Munich, Nuernberg (Nuremberg), Bamberg, Wuerzburg, Rothenburg และ Dresden นอกจากนี้ยังได้ไปประเทศเพื่อนบ้านอย่างสวิตเซอร์แลนด์ (Basel), ฝรั่งเศส (Paris, Wissembourg, Strassbourg และ Colmar), เบลเยี่ยม (Brussels), เชค (Prague) และออสเตรีย (Salzburg กับไปเล่นสกีบนเขา) รวมๆ กันแล้วไปเที่ยวนาน 52 วัน ถ้าไม่นับที่โฮสพาไปก็ 44 วัน

ทั้งหมดนี้ ฉันหมดค่าเที่ยว (ตั๋ว ที่พัก กิจกรรม) ไปไม่ถึง 900 ยูโร (คือแค่ปารีสอย่างเดียวก็สามร้อยกว่าแล้วอ่ะ)

เทคนิคง่ายๆ สามข้อ ต่ำกว่าสิบแปด+นั่งบัส+พักฟรี

ใช้สิทธิ์อายุต่ำกว่าสิบแปด ข้อนี้เป็นอะไรง่ายๆ ที่หลายคนไม่สนใจ อย่างเวลาเข้าพิพิธภัณฑ์ทุกแห่งในปารีสนี่จะฟรีหมด ไม่ต้องเข้าแถวซื้อตั๋วเข้า Louvre ให้ยุ่งยากเลย เพื่อนฉันบางคนไม่รู้ ไปเที่ยวปารีสดันซื้อ Museum Pass เฉย ทั้งๆ ที่อายุต่ำกว่าสิบแปดนี่ไม่ต้องจ่ายสักยู ประหยัดไปได้เยอะเลยนะนั่น

ที่เด็ดที่สุดของการที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ คือตั๋ว Deutschland Pass ที่จะออกมาในช่วงซัมเมอร์ของทุกปี (และราคาขึ้นทุกปีเลย ปี 2013 ราคาแค่ 109 ยูโร ปีนี้ (2014) ขึ้นมาเป็นตั้ง 149  ยูโรแน่ะ) มันเป็น 109 ยูโรที่คุ้มที่สุดที่ เพราะไอ้ตั๋วนี้มันครอบจักรวาลมาก จะไปไหนก็ได้ทั่วเยอรมนีเป็นเวลาหนึ่งเดือน แถมสวิสกับออสเตรียให้สองวัน และจะนั่งรถไฟแบบไหนก็ได้ ตั้งแต่รถไฟธรรมดาๆ ไปจนถึงรถไฟความเร็วสูงอย่าง ICE (รถไฟความเร็วสูงปรี๊ด) โดยไม่ต้องมีการจองล่วงหน้า คิดอยากไปเมื่อไหร่ก็จัดกระเป๋าไปกระโดดขึ้นรถไฟได้เลย ตั๋วใบนี้ทำให้ซัมเมอร์ของฉันเป็นซัมเมอร์ในฝันที่เที่ยวเพลินเกินห้ามใจสุดๆ

สำหรับคนชอบเที่ยว คุ้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว รับประกันได้เลย

คิดง่ายๆ แค่ตั๋วไปจากเคินไปเบอลิน ถ้าจองล่วงหน้าอาทิตย์นึงยังราคาไปกลับตั้ง 140 ยูแล้วนะ


การนั่งรถบัส เป็นทางเลือกที่ดีมากๆ เมื่อไม่ตั๋วซัมเมอร์ เพราะมันถูกกว่ารถไฟถึงสองสามเท่า แม้จะใช้เวลานานกว่าก็ตาม ส่วนเรื่องความปลอดภัยนี่หายห่วง ไม่เหมือนรถทัวร์บ้านเรา แถมหลายๆ เส้นทางเล่นไวไฟบนบัสฟรีอีกด้วย ส่วนมากฉันจะใช้บริการ meinfernbus หรือไม่ก็ flixbus ที่มีทั้งในประเทศละไปประเทศเพื่อนบ้านรอบๆ ถ้าอยากเช็คว่าบัสของบริษัทอะไรถูกสุดหรือใช้เวลาน้อยที่สุด ไปเช็คได้ที่ busliniensuchen แค่ใส่ต้นทางและปลายทาง มันก็จะขึ้นรอบรถจากทุกบริษัท พร้อมราคาและเวลาการเดินทางมาเปรียบเทียบให้ดูเสร็จสรรพเลย

อีกทางเลือกหนึ่งสำหรับการเดินทาง ถ้าไม่ได้เดินทางไกลถึงขนาดต้องใช้ ICE ลองเข้าไปหาเพื่อนแชร์ตั๋วรัฐในเว็บ mitfahrengelegenheit ได้ เพราะตัวรัฐนั้นยิ่งคนเยอะยิ่งถูกลง และการแชร์ตั๋วรถไฟกันจะปลอดภัยและน่าอุ่นใจกว่าการแชร์รถกับคนอื่นนะ

พักฟรี...ถ้าเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนส่วนมากก็ไม่ให้ไปนอนค้างโรงแรมหรือโฮสเทลอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นรู้จักเพื่อนๆ ไว้เยอะๆ จะได้มาก ทั้งคนไทยและต่างชาติ อันที่จริงจะสนิทหรือไม่สนิท ถ้าอยากไปเมืองไหนก็ส่งข้อความไปถามเลย ถ้าเพื่อนโอเค ครอบครัวโอเคก็ไป คนไทยเดี๋ยวกันมันสนิทกันไม่ยากหรอก เผลอๆ จะไปสนิทกับครอบครัวของเพื่อนต่ออีกต่างหาก (เหมือนฉันนี่ไง)

ทุกทริปของฉันนั้นเป็นเป็นการไปค้างบ้านเพื่อนทั้งหมด (ไม่นับปารีสเพราะไปกับโฮสซิส) ยกเว้นทริปเดียวคือทริปเดรสเดน ที่หาบ้านใครไปค้างไม่ได้ เลยไปค้างกับคนแปลกหน้าซะเลย
ใช่แล้วล่ะ นั่นเป็นประสบการณ์ couchsurfing ครั้งแรกของฉัน หลายคนอาจจะบอกว่ามันไปปลอดภัยบ้าง อันตรายบ้าง แต่ฉันว่าถ้าเลือกโฮสดีๆ ก็ไม่น่ากลัวนะ อย่างฉันเลือกโฮสที่เป็นนักเรียนและเป็นผู้หญิง  นอกจากจะได้พักฟรีแล้ว ยังได้เพื่อนใหม่ที่เป็นคนท้องถิ่น แนะนำร้านอาหารอร่อยๆ และพาเที่ยวได้อีกด้วย

ไม่มีอะไรเจ๋งไปกว่า couchsurfing และการได้พักกับครอบครัวคนท้องถิ่นแล้วล่ะ ไม่ใช่แค่เพราะฟรี แต่มันคือการได้เข้าถึงวัฒธรรมของสถานที่นั้นๆ เป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้ในโรงแรมแม้แต่โฮสเทลนั่นเอง