Prossima Fermata: Rastignano

เข้าเมืองแล้ว ฉันเดินยิ้มร่ากลางไปขึ้นรถบัส แวะซื้อเจลาโต้กินก่อนขึ้นรถไฟยาวจาก Bolzano ไปยัง Bologna นั่งๆ นอนๆ ฟังเพลงไปเรื่อย ไม่นานก็ถ...

เข้าเมืองแล้ว

ฉันเดินยิ้มร่ากลางไปขึ้นรถบัส แวะซื้อเจลาโต้กินก่อนขึ้นรถไฟยาวจาก Bolzano ไปยัง Bologna นั่งๆ นอนๆ ฟังเพลงไปเรื่อย ไม่นานก็ถึงจุดหมาย

อยู่บ้านนอก หมู่บ้านกลางป่าเขามาหลายวัน แค่มาถึงสถานีรถไฟก็มึนแล้ว

รถไฟดันเลทด้วยไง ไปต่ออีกขบวนที่ไหนก็ไม่รู้ ฉันนี่วิ่งตาลีตาเหลือก หอบกระเป๋าเป้สองใบ รวมกันแล้วหนักสิบกว่าโล วิ่งไปขึ้นรถไฟที่ชานชาลาอีกฟากของเมือง

กระโดดขึ้นรถไฟทันเวลากำหนดออกพอดี แทบจะขาดอากาศหายใจตาย แต่รถไฟไม่เห็นมีท่าทีว่าจะขยับเขยื้อนไปไหน

แล้วเสียงตามสายก็ประกาศว่ารถไฟเลทจ้า

ให้มันได้อย่างนี้สิ


หลังจากผ่านการเดินทางอันชุลมุน วุ่นวาย และสับสน (ซึ่งรวมไปถึงการตื่นตระหนกตกใจ คิดว่าตัวเองขึ้นรถไฟผิดขบวน จะลงสถานีถัดไป แต่ประตูไม่ยอมเปิดให้ สุดท้ายโชคดีที่มันไม่เปิดเพราะขึ้นถูกขบวนแล้ว...) ฉันก็มาโผล่อยู่ที่ชานเมืองอันเงียบสงบ ไร้ซึ่งความวุ่นวาย และนักท่องเที่ยวทั้งหลายทั้งปวง

คิดกับตัวเองในใจว่า นี่แหละ จะได้มาสัมผัสวิถีชีวิตแบบอิตาเลียนของจริงแล้ว!

หารู้ไม่...

เฟเดอริโก้ (Federico) โฮสของฉันขับรถมารับที่สถานีรถไฟ ฟาร์มแห่งนี้มีต้นไม้ ผลไม้ ป่า ลาเวนเดอร์ และธุรกิจที่พักสไตล์ Agriturismo หรือการรวมธุรกิจที่พักกับฟาร์มเข้าไว้ด้วยกัน ในส่วนของบ้านที่เป็นอาคารเดียวกันนั้นหลังใหญ่ ใหม่ สะอาด สะดวกสบาย ทั้งหมดนี้มีเฟเดอริโก้อาศัยอยู่แค่คนเดียวจ้า

เขาเคยแต่งงาน มีลูก มีหลาน ถึงสองครั้ง ลูกๆ หลานๆ และภรรยาเก่าก็ยังอาศัยอยู่ไม่ไกลกันมากนัก แค่ไม่ได้อยู่ด้วยกันเท่านั้นเอง

ฉันไปถึงวันเสาร์ วันอาทิตย์เปรียบเสมือนวันหยุดของประเทศ ฉันเลยไม่ต้องทำงาน เรื่อมทำงานจริงๆ คือวันจันทร์สายๆ

งานแรกคือถอนหญ้า

งานที่สองคือเก็บ figs กับแอปเปิ้ล

งานที่สามคือเก็บองุ่นคนเดียวเป็นเวลาวันครึ่ง



อยู่ฟาร์มนี้หนึ่งอาทิตย์ ประสบการณ์ใหม่เดียวที่ได้รับ (แบบขาดๆ) คือเก็บองุ่น ที่ต้องบอกว่าขาดๆ เพราะว่าปกติเวลาเก็บองุ่น (เพื่อไปทำไวน์) เขาจะทำกันทีม พักเที่ยงกินอาหารมื้อใหญ่ เก็บเสร็จมีการเลี้ยงฉลอง อะไรประมาณนี้

แต่นี่ไม่มีเลยจ้ะ เก็บเสร็จหาข้าวกินเอง

นำเรามาถึงประเด็นต่อมา คือการที่โฮสไม่ชอบทำอาหาร

ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่า ฉันเลือกที่จะมา Bologna นี่เพราะอาหารอย่างเดียว ไม่ได้อยากเที่ยวเมืองอยู่แล้ว แต่อยากมาเรียนรู้เกี่ยวกับอาหาร ทำพาสต้าเส้นสด เพราะเจอไม่ว่าจะเจอใครเขาก็บอกว่าเนี่ย ชอบกิน ชอบอาหาร ต้องมาเมืองนี้เลย เป็น capitol of food

แต่พอดีดวงซวยไง

โชคดีมาหลายอาทิตย์แล้ว ได้เวลาตกต่ำบ้างแล้วล่ะ

ที่จริงเฟเดอริโก้คงจะทำอาหารเก่งใช่ย่อย เพราะช่วงที่เปิดธุรกิต Agriturismo ใหม่ๆ นั้นเปิดเป็นร้านอาหารด้วย เขาเล่าให้ฟังว่าหลายครั้งต้องเตรียมพาสต้าเส้นสดให้แขกสามสิบคน โดยมีเขาทำเองอยู่คนเดียว แต่นั่นมันเรื่องเมื่อห้าปีที่แล้ว ร้านอาหารนั่นมันปิดมาห้าปีแล้วล่ะ

ช่วยอัพเดตโปรไฟล์หน่อยก็ดีนะ


การได้เล่นกับแมวน้อยที่โรงบ่มไวน์สิบนาที คงเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดของฉันในฟาร์มแห่งนี้

ยิ่งอยู่ยิ่งรู้สึกว่าฉันมาทำอะไรที่นี่เนี่ย ไม่ได้เรียนรู้อะไรสักอย่าง อาหารก็ไม่อร่อย ที่รับไม่ได้ที่สุดคือการที่โฮสซื้อแต่ของที่ถูกที่สุดจากซุปเปอร์มาร์เก็ต ไข่ไก่ที่ถูกที่สุด เนื้อสัตว์ที่ถูกที่สุด ทุกอย่างคุณภาพต่ำที่สุด

“นี่ฉันมาทำอะไรที่นี่?” ถามคำถามนี้กับตัวเองทุกวัน

จนพอได้เข้าไปเจอเพื่อนจากสกอตแลนด์ที่ Bologna เพื่อนเล่าให้ฟังถึงอาหารแสนอร่อยด้วยแวววาวเป็นประกายระยิบระยับ ฉันเลยตัดสินใจว่าจะไม่ทนและเสียเวลาอีกต่อไป พอหาที่อยู่ได้แล้วก็โบกมืออำลาความบ้านนอก (ที่สุดแสนจะอิตาเลียนสไตล์...งั้นหรือ) เข้าสู่ชีวิตในเมืองทันที

จากที่คิดว่าจะไม่กลับ Bologna อีกแล้ว เลยกลายไปว่าฉันหลงรักเมืองนี้เข้าให้เต็มๆ เพียงเพราะการตัดสินใจเดินออกจากฟาร์มแห่งนี้นั่นเอง

You Might Also Like

0 comments

Flickr Images