มีอะไรในเมือง Wellington?
ตอนแรกฉันก็ไม่ได้แพลนจะไปที่นี่หรอก แต่บังเอิญไปเจออดัม (Adam) ที่ Scythe Fair เมื่อวันอาทิตย์ อดัมเคยทำงานที่เบเกอรี่ในลีดส์ที่ฉันไปเป็นอาสาสมัครอยู่บ่อยๆ เขาเพิ่งย้ายมาเปิดเบเกอรี่ของตัวเองที่ห่บ้านเล็กๆ ในชนบทของ Somerset ตอนแรกฉันก็ว่าจะแวะไปหาเขาเหมือนกัน แต่หาเบอร์ติดต่อไม่เจอสักที เลยล้มเลิกความตั้งใจไปซะ แต่ขณะที่ฉันกำลังยืนฟังเพลง ถ่ายรูปอยู่ในเต้นท์ ผู้ชายตัวสูงผอมหน้าตาละม้ายคล้ายอดัมก็เดินผ่านหน้าฉันไป หลังจากสองจิตสองใจอยู่นาน ไม่รู้ว่าจะเข้าไปทักดีมั้ย เพราะฉันยังไม่เชื่อว่าโลกจะกลมขนาดนี้ ถ้าเกิดไม่ใช่อดัมขึ้นมาเดี๋ยวหน้าแตกเปล่าๆ
แต่สุดท้ายเขาก็คืออดัมจริงๆ
บอกแล้วว่าโลกมันกลมจริงๆ
เราคุยกันสักพัก อดัมชวนเที่ยวเล่นที่เบเกอรี่ของเขา แน่นอนว่าคนรักขนมปังอย่างฉันไม่มีทางปฎิเสธอยู่แล้ว วันรุ่งขึ้นฉันเลยไม่รอช้า รีบส่งข้อความไปหาอดัมว่าเดี๋ยววันพุธนี้จะแวะเข้าไปหานะ
หลังจากใช้อินเตอร์เน็ตในผับ ติดต่อเพื่อนๆ และพ่อแม่จนอิ่มแล้ว เฟลอร์ (Fleur) เพื่อนและหุ้นส่วนเบเกอรี่ของอดัมก็มารับฉันในเมือง ทั้งสองคนรู้จักกันเพราะเคยฝึกงานที่เดียวกันมาก่อน เธอแวะไปส่งฉันที่เบเกอรี่ แล้วก็กลับบ้านไปนอนต่อ เพราะเมื่อเช้าตื่นมาทำขนมปังตั้งแต่ตีห้ากว่า
นี่แหละนะ ชีวิตของ sourdough baker
ฉันช่วยอดัมในเบเกอรี่ตลอดทั้งบ่าย เราทำแป้งทาร์ตและคุ้กกี้ biscotti แล้วอบในเตาที่ใช้ฟืนคล้ายเตาอบพิซซ่า (wood-fired oven)
อดัมกับเฟลอร์อาศัยอยู่ที่ Tracebridge Fermenteria เบเกอรี่ในหมูบ้านเล็กจิ๋วท่ามกลางธรรมชาติซึ่งทั้งคู่เคยมาฝึกงานอยู่ เขาพาฉันขับรถทางอ้อมบนถนนเลนเดียวเส้นเล็ก ผ่านทุ่งหญ้าและเนินเขาแถวนั้น ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำเขาถึงอยากย้ายจากลีดส์มาอยู่ที่นี่
พอไปถึงที่บ้าน เขาก็พาฉันเดินทัวร์รอบๆ ที่นี่มีทั้งสวนผักและผลไม้ คาราวานให้เช่าบน airbnb เบเกอรี่เล็กๆ เอาไว้ใช้อบพิซซ่าใน pizza night ทุกวันศุกร์ ห้องกระจกบรรยากาศดีชื่อว่า paradise มีหน้าผาหินสูงใหญ่อยู่ข้างๆ บ่อน้ำธรรมชาติอันเล็ก และบ้านอันอบอุ่นของกอร์ดอน เคธี่ และลูกชายทั้งสามของพวกเขา
เราคุยกันเรื่องสัพเพเหระทั่วไป เขาบอกว่ารู้สึกดีที่ได้โชว์ขึ้นอื่นรอบๆ สถานที่แห่งนี้ ที่จริงแล้วฉันก็ไม่ได้สนิทกับอดัมเท่าไหร่หรอก แค่เจอกันเวลาไปทำขนมปังไม่กี่ครั้ง แต่ฉันได้รับการต้อนรับและดูแลเอาใจใส่อย่างดี น้ำใจที่คนรอบข้างหยิบยื่นมาให้มันช่างทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นเหลือเกิน
มาร์ลีส (Marlies) ก็เป็นอีกคนที่ทำให้ฉันรู้สึกไม่ต่างกัน
เธอเป็นชาวดัชต์ มาเป็นวูฟเฟอร์อยู่ที่บ้านหลังนี้ได้กว่าสองอาทิตย์แล้ว มาร์ลีสยกคาราวานใหม่เอี่ยมของเธอให้ฉันได้นอนในคืนนั้น โดยที่เธอยอมออกไปนอนเต้นท์ที่กางทิ้งไว้อยู่ในสวน ทั้งๆ ที่เราไม่รู้จักกันเลยด้วยซ้ำ
แต่เราก็จากกันด้วยมิตรภาพ
ฉันกับมาร์ลีสเข้ากันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ มันคงเริ่มมาจากที่ก่อนหน้านี้ที่เข้าไปดูโฮสเดียวกับที่ฉันกำลังจะไปอยู่ด้วยที่คอร์นวอลล์ เธอออกจากงานเกี่ยวกับบ้านและการออกแบบภายในเพื่อวูฟไปเรื่อยๆ มาได้สองปีแล้ว ก่อนหน้านี้เธอขับคาราวานไปกับแฟน แต่ทั้งสองเพิ่งจะเลิกกันเมื่อต้นปี เธอเลยตัดสินใจมาวูฟทางตอนใต้ของอังกฤษคนเดียว เพราะคิดอยากย้ายมาอยู่ที่นี่
นอกจากจะเป็นวูฟเฟอร์เหมือนกันแล้ว เรายังคุยกันเรื่องเชียงใหม่ หนังสือทำอาหารไทยของพี่เยาว์ที่เธอรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ซื้อกลับมาด้วยเมื่อตอนไปเที่ยวเชียงใหม่เมื่อปีที่แล้ว และร้านอาหารมังสวิรัติกับคาเฟ่โปรดในเมือง ก่อนจะมาที่ Tracebridge เธอยังไปเข้าคอร์สวิปัสสนาสิบวันของโกเอนก้าที่เดียวกับฉันมาก่อนอีกต่างหาก
ไปๆ มาๆ ดูเหมือนฉันจะสนิทกับมาร์ลีสมากกว่าอดัมอีกนะเนี่ย
เย็นวันนั้น อัลฟี่ (Alfie) ลูกชายคนกลางวัยยี่สิบหกทำแกงมังสวิรัติสไตล์อินเดียให้เรากิน แม้ว่าฉันจะไม่หิวเท่าไหร่แต่ก็อดไม่ได้ที่จะจัดการกับมื้อเย็นจานใหญ่ตรงหน้า แถมยังแอบเติมแกงอีกเล็กน้อย เพราะมันเข้มข้นหวานมันจริงๆ อัลฟี่เคยทำงานเป็น baker อยู่สักพัก แต่สุดท้ายก็เลิกทำเพราะทนกับเวลาทำงานบ้าๆ ของอาชีพนี้ไม่ไหว กลับไปเรียนด้านจิตวิทยาที่มหาลัยในเมืองบาธ (Bath) แทน แต่ฉันเชื่อว่าฝีมือทำขนมของเขายังไม่ตกแน่ๆ เพราะหลังนั้นไม่กี่วัน เขากับมาร์ลีสจะไปขายเค้กกันที่คาเฟ่ใน Glastonbury Festival
ฉันเสียดายสุดๆ ที่ไม่ได้อยู่ต่ออีกสักวันสองวัน นอกจากหนังสือทำอาหารที่วางเรียงรายรอให้ฉันไปหยิบมาอ่านเต็มชั้นแล้ว คงจะได้ช่วยทั้งอดัมและอัลฟี่ทำเค้กด้วยแน่ๆ
โอเค...ก็หวังว่าจะได้ชิมนิดหน่อยด้วยแหละ
0 comments