WWOOFing Through the South of England— ออก (โบกรถ) เดินทางอีกครั้ง

ฉันตื่นมาเดินเล่นแต่เช้า อากาศดีๆ กับแสงแดดอ่อนๆ ท่ามกลางธรรมชาติแบบนี้ทำให้ฉันรู้สึกสงบและผ่อนคลายไม่น้อย พอสายๆ หน่อยก็เข้าไปกินขนมปังอร่อ...

ฉันตื่นมาเดินเล่นแต่เช้า อากาศดีๆ กับแสงแดดอ่อนๆ ท่ามกลางธรรมชาติแบบนี้ทำให้ฉันรู้สึกสงบและผ่อนคลายไม่น้อย พอสายๆ หน่อยก็เข้าไปกินขนมปังอร่อยๆ จากเบเกอรี่เป็นอาหารเช้า แล้วนั่งคุยเล่นกับมาร์ลีสต่อ เฟลอร์เข้ามาพร้อมกับถุงกระดาษสองสามใบ บอกว่าอดัมฝากขนมปังและบิสคอทติมาให้ ส่วนตัวเขาเองนั้นเข้าไปที่เบเกอรี่ตั้งแต่หกโมงเช้าแล้ว

เจอแต่คนดีๆ คอยดูแล ทำนี่ให้ เอานู่นมาให้ มันรู้สึกอบอุ่นในใจดีจริง

ช่วงสายๆ อัลฟี่ เฮนรี่ น้องชายของเขา และมาร์ลีสต้องเข้าไปทำธุระในเมืองพอดี เลยอาสาแวะไปส่งฉันข้างทางเพื่อโบกรถต่อไปคอร์นวอลล์ เป็นอีกครั้งที่ผู้คนให้การสนับสนุนความตั้งใจที่จะโบกรถของฉันและคอยแนะนำช่วยเหลือ อัลฟี่พาฉันไม่ปล่อยไว้ที่ปั๊มน้ำมันขนาดใหญ่แห่งหนึ่งใกล้ๆ ทางหลวง ฉันขอบคุณทุกคน กอดลามาร์ลีส แล้วคว้าเป้ใบใหญ่ออกเดินท่ามกลางแสงแดดจ้าของฤดูร้อนในอังกฤษ

ลืมทาครีมกันแดดไง เซ็งเลย

ฉันเดินไปแถวๆ ปั๊มน้ำมันแล้วเดินป้วนเปี้ยนไปมา ถามทุกคนที่เข้ามาเติมน้ำมันหรือซื้อของในมินิมาร์ทว่ามีใครจะบุญจะให้ฉันติดรถไปด้วยไหมบางคนอยากช่วยฉันสุดๆ แต่ดันขับไปคนละทาง ส่วนบางคนได้แต่ทำหน้าบึ้งตึงแล้วเดินหนี ไม่อยากสุงสิงกับฉัน การโบกรถลงไปทางใต้จากแถวนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มีแต่คนมาจากเมืองเล็กๆ แถวนี้ หรือไม่ก็ขับเลยไปลอนดอนนู่นเลย

หรือเขาจะโกหกเพราะไม่อยากรับฉันก็เป็นได้

ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไร ฉันทำได้เพียงอดทนรอ และทำหน้าหนาๆ เดินเขาไปถามทุกคนเท่าไหน ฟังดูแล้วเหมือนคนโสดเลยเนอะ รออย่างเดียวไม่พอบางทีต้องรุกด้วย!

ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้ว...ฉันยังคงรออยู่ที่เดิม

เริ่มเซ็งนิดๆ และหาแพลนบี จะขึ้นบัสแทนคงไม่แทนแล้วเพราะบัสมีแค่วันละรอบตอนเที่ยง ณ จุดนั้นเลยพร้อมที่จะขึ้นรถคันไหนก็ได้ ไม่ว่าเขาจะขับไปที่ไหน ขอแค่ให้พาฉันออกไปจากไอ้ปั๊มน้ำมันดวงกุดนี่เป็นพอ

ไม่นานนักเลยสมใจอยาก ฉันก้าวขึ้นรถเก่าๆ คันหนึ่งที่ประตูข้างคนขับพัง ผู้ชายคนขับดูยังค่อนข้างหนุ่มอยู่ เขาบอกว่าเดี๋ยวนี้คนที่โบกรถส่วนมากเป็นพวกคนไร้บ้าน

“ไม่ได้จะบอกว่าเธอเป็นเหมือนคนไร้บ้านหรอกนะ”

จ้ะพ่อคุณ ฉันรู้น่าว่าสารรูปตัวเองยังพอดูได้อยู่บ้าง

เขาส่งฉันลงที่จุดพักรถขนาดใหญ่ริมทางหลวงตามที่ฉันขอไว้ มันทำให้ฉันเริ่มกลับมามีความหวังอีกครั้ง เพราะจุดพักรถตรงนี้ใหญ่มากจริงๆ ฝั่งซ้ายสำหรับจอดรถบรรทุก รถบ้าน และคาราวาน ส่วนฝั่งขวาเป็นรถทั่วไป และมีมอลล์ขนาดใหญ่กั้นอยู่ตรงกลาง

ฉันเริ่มจากฝั่งขวา แม้ลึกๆ จะคิดว่าคงมีโอกาสกับรถบรรทุกหรือคาราวานมากกว่า แต่ยังแอบรู้สึกอุ่นใจกับรถธรรมดามากกว่าเล็กน้อย แต่หลังจากถามไปถามมาสักพัก หลายคนดูจะหวาดกลัวการเข้าหาของฉันเหลือเกิน สุดท้ายเลยตัดสินใจเดินผ่านร้านขายของต่างๆ ไปอีกฝั่ง

ตอนนั้นไม่รู้ว่าในหัวคิดอะไรอยู่ กำลังจะเดินสวนกับผู้ชายคนหนึ่งที่ถือเบอร์เกอร์อยู่ในมือ ฉันร้องทักเขาแล้วถามว่ากำลังจะไปไหน คำตอบของเขาคือชื่อเมืองคุ้นหู ฉันเลยไม่รอช้า รีบขอติดรถไปด้วยแล้วเดินตามเขาไปที่รถทันที

ฮ่า มีปลามาติดเบ็ดสักที

เวลาจะขอติดรถไปกับใคร ฉันมักจะถามว่าจะไป Exeter มั้ย แม้ว่าจริงๆ แล้วจุดหมายของวันนี้อยู่ที่เมืองพลีมัธ (Plymouth) เพราะเห็นว่ามันใกล้กว่า ไม่ได้หวังว่าจะเจอรถคันเดียวขับพาฉันไปถึงที่อยู่แล้ว ตอนแรกคนนี้เขาก็จะไปส่งฉันแถวๆ นอกเมือง Exeter นั่นแหละ แต่พอคุยไปคุยมาเขากำลังจะขับไปพลีมัธพอดี เลยสบาย นั่งรถรวดเดียวชั่วโมงนึงถึงที่หมายเลย

ตอนแรกนึกว่าจะถึงช้าซะแล้ว นี่ยังไม่ทันจะบ่ายโมงก็ถึงละ นัดลอร่า (Laura) โฮสคนต่อไปไว้ตอนสี่โมงครึ่งนะเนี่ย

‘คนขับรถ’ ของฉันในวันนี้ เป็นเจ้าของธุรกิจเกี่ยวกับอาหารรายใหญ่ ที่ไปขายอาหารตามเทศกาลงานวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ก่อนหน้านี้เขาขับรถบรรทุกไปส่งของอีกเมือง รถที่เรานั่งกันอยู่นี้จึงเป็นรถหรูใหม่เอี่ยมที่เช่ามาสำหรับขับกลับบ้าน ส่วนเย็นนี้ก็ต้องขับรถบรรทุกไปส่งของอีกที

นี่นักธุรกิจหรือคนขับรถ?

เขามาส่งฉันที่ปั๊มน้ำมันนอกเมือง พยายามจะโบกรถเข้าไปในเมืองอีกรอบแต่ก็มีประสบผลสำเร็จ มีผู้ชายคนนึงบ้านอยู่แถวนั้น เกือบจะอาสาขับรถพาฉันไปส่งในเมืองแล้ว แต่บ่ายวันนั้นดันมีฟุตบอลยูโรนัดสำคัญระหว่างอังกฤษกับเวลส์ ทำให้เขาต้องรีบกลับบ้านแล้วเตรียมตัวไปดูบอลที่บ้านเพื่อน

เอาวะ นี่มาตั้งไกลแล้ว นั่งบัสเข้าเมืองเอาละกัน


ระหว่างทางฉันตาไวไปเห็นโปสเตอร์นิทรรศการศิลปะของ Plymouth College of Art เลยเข้าไปเดินดูเล่นๆ ฆ่าเวลา แล้วก็เดินไปทางฝั่งท่าเรือติดทะเลต่อ หลังจากที่นั่งแทะบิสคอทติที่อดัมให้ไว้จนหมดตั้งแต่อยู่บนรถบัส ฉันเลยคิดว่าน่าจะหาอะไรกินเป็นข้าวเที่ยวสักหน่อย

สุดท้ายก็มาลงเอยที่ Jacka Bakery ร้านขนมปัง sourdough เจ้าเก่าแก่ของเมือง และอาหารกลางวันวันนี้ของฉันคือ...

Pain au Chocolat!


ถ้าน้ำหนักขึ้นนี่โทษใครไม่ได้เลยนะนอกจากตัวเอง

ว่าแล้วก็ถือครัวซองชอคโกแลตชิ้นใหญ่กว่าฝ่ามือไปกินริมทะเล แดดร้อน แต่ลมเย็นสบาย ครัวซองในมือก็หอมเนย หวานชอคโกแลต

โอ้ย รักเมืองริมทะเลจัง

(สิบนาทีต่อมา ฉันกำลังหอบกระเป๋าเป้ วิ่งไปสถานีรถไฟ จากนั้นซื้อตั๋วผิดใบ ต้องไปขอคืนเงิน แล้ววิ่งไปขึ้นรถไฟก่อนที่มันออกไม่ถึงห้านาที)

เปลี่ยนอารมณ์ไม่ทันเลยไง

You Might Also Like

0 comments

Flickr Images