WWOOFing Through the South of England—ชาวไร่ชาวสวนไม่ได้มีแต่คนแก่นะ

เช้าวันรุ่งขึ้น เรากินอาหารเช้าร่วมกันรอบกองไฟอีกครั้ง มีการต้มน้ำร้อน ชงชา โดยใช้เตาจรวด (rocket stove) ที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน อีกไม่นานนั...

เช้าวันรุ่งขึ้น เรากินอาหารเช้าร่วมกันรอบกองไฟอีกครั้ง มีการต้มน้ำร้อน ชงชา โดยใช้เตาจรวด (rocket stove) ที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน อีกไม่นานนักแต่ละคนก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเอง งานของฉันดูจะเบากว่าเพื่อน แค่เดินไปเดินมา เข้าร่วมเวิร์คช้อปที่สนใจ แล้วก็ถ่ายรูปเล็กน้อยเท่านั้นเอง


มีเวิร์คช้อปเยอะแยะไปหมดจนฉันเลือกไม่ถูก ทั้งการปลูกผักด้วยเทคนิคต่างๆ เพาะเห็ด เลี้ยงผึ้ง ทำชีส ไปจนถึงการออกแบบฟาร์มให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและภูมิอากาศของแต่ละที่ ว่าจะปลูกอะไรตรงไหน ให้บังลม บังฝน

ฉันเข้าร่วมเวิร์คช้อปแต่ละอันแบบมึนๆ เพราะตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยปลูกอะไรมาก่อน เลยไปร่วมสนทนาอะไรกับเขาไม่ได้สักอย่าง

ยกเว้นตอนทำชีสนะ เพราะดูแล้วคนที่ร่วมเวิร์คช้อปด้วยกันก็ไปเพราะอยากชิมชีสนั่นแหละ

สิ่งที่ฉันได้กลับไปจากงานนี้ คือการได้เห็นคนอายุน้อยที่สนใจการทำเกษตรอินทรีย์ บางคนแค่ยี่สิบต้นๆ แก่กว่าฉันไม่กี่ปีเอง พอเห็นอย่างนี้แล้วรู้สึกว่าโลกมีความหวังขึ้นมานิดนึงนะ ที่มีคนรุ่นใหม่สนใจเรื่องแบบนี้มากขึ้น


อีกอย่างคือการได้เจอคนที่โคตรจะรักในสิ่งที่เขาทำ โดยเฉพาะ Eleanor Burgess คนเลี้ยงผึ้งที่โคตรจะรักผึ้งของเธอไม่ต่างกับที่เรารักบรรดาหมาแมวสัตว์เลี้ยงของเรา เธอรู้นิสัยผึ้งอย่างดี อย่างงี้คือกลัว นั่นรำคาญ ถ้าผึ้งมีความสุขจะส่งเสียงแบบนี้

ละเอียดอ่อนมากอ่ะ ถึงฉันจะเข้าไม่ถึงแต่ก็ฟังดูลึกซึ้งดีนะ

วันรุ่งขึ้นเป็นอีกเทศกาลนึงที่ชื่อว่า Scythe Fair แปลกันตรงๆ เลยคือเทศกาลของเคียว หรือมีดโค้งที่ใช้ตัดหญ้า (scythe) โดยชื่อนี้ได้มาจากกิจกรรมหลักของงานที่จัดขึ้นทุกปี นั่นคือการแข่งขันกันใช้เจ้าเคียวตัดหญ้าด้ามยาวนี้ ใครตัดได้สวย เร็ว และเรียบร้อยที่สุดจะได้รางวัลไปครอบครอง

อย่างงี้ก็มีด้วยนะ


นอกจากแข่งขันตัดหญ้า (ที่ฉันเพิ่งมารู้และเข้าใจหลังงานเลิกไปแล้ว) ในงานยังมีซุ้มขายของมากมาย ทั้งของกิน ของใช้ งานประดิดประดอยทำมือต่างๆ ฉันได้แต่เดินไปเดินมาหลายรอบตลอดทั้งวัน อยากซื้อของแต่ก็ซื้อไม่ได้เพราะ 1. กระเป๋าไม่มีที่ และ 2. ลืมกดตังมานั่นเอง

อย่างน้อยตอนกลางวันก้ได้กินของอร่อยๆ จนพุงกาง ตอนแรกฉันอยากกินโดสะ (dosa—แพนเค้กบางๆ กรอบๆ คล้ายขนมเบื้องญวน สอดไส้แกงกะหรี่มันฝรั่ง อาหารขึ้นชื่อของอินเดีย) แต่นอกจากคนจะเยอะแล้ว อากาศยังไม่เป็นใจ ฉันไปเข้าคิวรอตั้งนาน อยู่ดีๆ ฝนดันตกลงมาแบบเทน้ำเทท่า ฉันตัดใจจากโดสะร้อนๆ หอมๆ แล้ววิ่งเข้าไปหลบฝนในเต้นท์จัดงานขนาดใหญ่ เพื่อที่จะได้พบว่าอีกห้านาทีต่อมาแดดจะกลับมาออกเหมือนเดิม

เอากับมันสิ English weather น่ะ

สุดท้ายฉันจึงได้แต่มองร้านอาหารอินเดียนั้นอย่างเศร้าๆ ก่อนจะเดินไปซื้อพายมะเขือเทศจากร้านอาหารเจอกินแทน รสชาติก็อร่อยประแทบใจ แถมราคาสบายกระเป๋า ฉันเลยเอาเงินที่ทาช่าให้มากินข้าวเที่ยงไปซื้อเค้กมากินเล่นอีกสามชิ้น

ไม่เท่าไหร่เลยฉัน อิ่มยาวไปถึงเย็นเลยไงล่ะ ถ้าน้ำหนักขึ้นนี่ก็โทษตัวเองได้คนเดียวเท่านั้นแหละ

การมาแค้มปิ้งสองคืนที่เทศกาลนี้ทำให้ฉันอยากลองไปเทศกาลดนตรีและศิลปะอื่นๆ อีกหลายที่ โดยเฉพาะ Buddhafield และ Green Earth Awakening ที่หลายคนที่ฉันเจอที่นี่พูดถึงกันบ่อยมากจนอยากไปเองสักครั้ง

แม้จะเป็นประสบการณ์สนุกๆ แต่สองวันที่ผ่านมานั้นเหนื่อยใช่ย่อย ทันทีที่เรากลับถึงบ้านช่วงค่ำวันอาทิตย์ ฉันตัดสินใจอาบน้ำเย็นๆ ให้รู้สึกสะอาดและสดชื่นสักหน่อย (ส่วนทาช่าบอกว่าเธออาบน้ำอาทิตย์ละครั้งจนชินแล้ว...นี่สินะคือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคุณใช้ชีวิตแบบ off-grid นานๆ) ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงสบายๆ ในคาราวานที่ฉันคิดถึง

You Might Also Like

1 comments

  1. แอบอ่านของเฟิร์นแล้วอยากลองไปใช้ชีวิตแบบนั้นบ้าง ฟังดูละมุนแล้วมันก็แลเป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากการใช้ชีวิตแบบปกติที่เราใช้อยู่ ขอบคุณเฟิร์นมากๆนะที่เอาเรื่องราวแบบนี้มาแชร์กัน จากตอนแรกเครียดๆเรื่องเรียนอยู่ตอนนี้หายเป็นปลิดทิ้งเลย

    ก็นะ บางทีชีวิตระหว่างทางมีอะไรที่น่าสนใจตั้งเยอะนี่นา

    ReplyDelete

Flickr Images