ชีวิตเด็กหอ

พูดถึงเรื่องอยู่หอที่อังกฤษไปเมื่อโพสที่แล้ว คราวนี้เลยจะมาเล่าให้ฟังแบบละเอียดสักหน่อย ว่าชีวิตเด็กหอที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง หอที่นี่ แตกต่...

พูดถึงเรื่องอยู่หอที่อังกฤษไปเมื่อโพสที่แล้ว คราวนี้เลยจะมาเล่าให้ฟังแบบละเอียดสักหน่อย ว่าชีวิตเด็กหอที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง

หอที่นี่ แตกต่างจากหอที่ไทยยังไง?

ต่างกันลิบลับ

แล้วแต่เมืองและมหาลัยที่อยู่ หอที่นี่มีทั้งหอใน (on campus) และหอนอก หอแบบรวมอาหารสามมื้อ (แพงมาก) และหอแบบ self-catered หรือทำอาหารกินเอง แต่สิ่งที่หอทุกอย่างจะมีเหมือนกันคือ


1. ไม่มีการมานอนในห้องเดียวกัน อย่างมากที่สุดก็แค่แชร์ห้องน้ำกันไม่เกินห้องละห้าหกคน (ปกติแค่สองคนต่อห้องเท่านั้น) เพราะฉะนั้นการมาเฉพาะเจาะจงว่าเป็นหอหญิงหรือชายนั้นไม่จำเป็นเท่าไหร่ เพราะมันไม่ได้นอนห้องเดียวกันอยู่แล้ว ส่วนมากจะเป็นแบบตัวใครตัวมัน เจอหน้ากันแค่ในครัว (และห้องนั่งเล่น) ซะมากกว่า ด้วยความที่ไทยมักจะแยกเป็นหอหญิง หอชาย พอญาติหรือเพื่อนๆ ที่ไทยรู้ว่าฉันอยู่แบบรวมก็ตกอกตกใจกัน ฉันต้องมาค่อยๆ อธิบายให้ฟัง ว่ามันเป็นเรื่องปกติของฝรั่งเขา ฉันนอนคนเดียว มีห้องน้ำส่วนตัวนะ แค่ใช้ครัวด้วยกันเฉยๆ

มองออกนอกหน้าต่างคือป่าคอนกรีต

2. มีห้องครัว ไม่ว่าจะเป็นครัวส่วนตัว (สำหรับสตูดิโอ) หรือครัวแชร์ หอพักนักเรียนที่อังกฤษจะต้องมีห้องครัว เพราะถ้าไม่มีนี่อยู่ไม่ได้นะคะ อาหารมันแพงมาก ไม่ได้ถูกๆ ซื้อกินได้ตลอดเหมือนบ้านเรา ถ้าทำอาหารกินเอง อาทิตย์ละแค่ 30 ปอนด์สบายๆ แต่ถ้าออกไปกินนอกบ้านตลอดเวลา ต้องมีอย่างน้อยวันละสิบปอนด์ (หรือถ้าใครจะกินแซนด์วิชจากซุปเปอร์มันสามมื้อก็ชิ้นละ 2-3 ปอนด์นะ...) สิ่งที่พวกฝรั่งจอนขี้เกียจนิยมทำกันคงหนีไม่พ้นการซื้ออาหารสำเร็จรูปหรืออาหารแช่แข็งมาอุ่นกินกัน ถ้าไม่มีไมโครเวฟกับเตาอบนี่พวกนี้ผอมตายอ่ะ

เอ้อ แต่ยังมีมาม่าคัพช่วยชีวิตไว้อยู่นี่นา แฟลตเมตชาวอังกฤษกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกันเก่งกว่าฉันซะอีก

สำหรับห้องสตูดิโอ ส่วนมากจะเป็นคนต่างชาติ (โดยเฉพาะเอเชีย) และนักศึกษาป.โทที่อยู่กัน ส่วนแชร์แฟลตมักจะเป็นของเด็กปีหนึ่งที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร กับเด็กปีสองปีสามที่ขี้เกียจไปหาบ้านเช่า รวมกลุ่มกับเพื่อนจองแบบทั้งแฟลตอยู่ด้วยกัน แน่นอนว่าฉันซึ่งมาอังกฤษแบบตัวคนเดียว ไม่รู้จักใครเลย ตกอยู่ในประเภทแรกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

และไอ้เด็กปีหนึ่งพวกนี้มันปาร์ตี้กันจัดและไร้รสนิยมมากค่ะ

อาทิตย์แรกก่อนเปิดเทอม จะเรียกว่าเป็น Fresher's Week อธิบายง่ายๆ คือพวกไนต์คลับรอบๆ เมืองจะมีธีมปาร์ตี้กันทุกคืน แต่งตัวเป็นสิงสาราสัตว์อะไรกันไม่รู้

ปัญหาของเด็กปีหนึ่งพวกนี้คือจะต้องดื่มให้เยอะที่สุด ในราคาที่ถูกที่สุด (ผสมโค้ก/สไปรท์อยู่ดี เพราะฉะนั้นเหล้าจะถูก รสชาติห่วยแตกแค่ไหน ผสมน้ำอัดลมมันก็ออกมาหวานเหมือนๆ กันนั่นแหละ) เมามากๆ แล้วถึงออกไปไนท์คลับ จ่ายค่าเข้าเล็กน้อย แล้วไปเต้นๆ จนถึงเช้ามืด ในขณะที่ฉันเกลียดไนต์คลับพวกนี้ เกลียดแอลกอฮอล์ถูกๆ ไม่ต้องดื่มบ่อยไม่เป็นไร ไม่ต้องดื่มเยอะด้วย ไม่ได้อยากเมา แต่ขอของดีๆ บรรยากาศชิวๆ อย่างพวกบาร์หรือผับ ที่ไม่เสียงดังเกินไป พูดคุยกันได้ยินเหมือนคนปกติ ไม่ต้องแหกปากจนคอหอยแทบกระเด็นก็พอ

ความอึดอัดของการอยู่หออีกอย่าง คือฉันรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองอยู่ในห้องสี่เหลี่ยแคบๆ ของโรงแรม IBIS ตลอดเวลา เพราะทั้งตึก โถงทางเดิม ห้องน้ำ ห้องครัว เฟอร์นิเจอร์ ทุกอย่างเหมือนโรงแรม (ราคาถูกนะ ไม่ใช่โรงแรมหรูๆ) ไปหมด (เพื่อนฉันอีกคนยิ่งกว่า เปรียบเทียบการอยู่หอเหมือนอยู่ในคุก...) ทำให้ไม่รู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน ฉันมีโอกาสได้ไปบ้านเพื่อนคนอื่นๆ ที่เขาเช่าบ้านอยู่แล้วรู้กสึกว่ามันอบอุ่น น่าอยู่กว่ากันเยอะมาก

ความสุขเล็กๆ ของการอยู่หอ คงหนีไม่พ้นเวลาที่ตื่นเช้ามา มองออกไปนอกหน้าต่าง แล้วเจอท้องฟ้าสวยๆ แบบนี้แหละ

การใช้ชีวิตเป็นเด็กหอเป็นอะไรที่คงต้องลองดูเองสักครั้ง แต่สำหรับฉันปีเดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าไม่ติดว่ามีสัญญากับหออยู่คงจะออกไปหาบ้านเช่าตั้งแต่สามเดือนแรกแล้วล่ะ

โชคดีที่ปีนี้เจอบ้านดีๆ กับเพื่อนร่วมบ้า(น)น่ารักๆ ไม่งั้นฉันคงไม่อยากกลับมาอยู่อังกฤษอีกแล้ว

จากตอนแรกที่คิดว่าอยู่ไหนก็เหมือนกัน ผ่านไปหนึ่งปีจึงได้ค้นพบว่า ที่อยู่และคนที่อยู่ด้วยมันสำคัญกว่าที่คิดไว้เยอะเลยล่ะ



You Might Also Like

0 comments

Flickr Images