For the lover of food—Chef's Table

ตั้งแต่โฟลให้ยืมใช้ Netflix วันไหนว่างๆ เบื่อๆ ฉันก็มักจะเข้าไปหาสารคดีดู ส่วนมากก็ดูเกี่ยวกับอาหารเนี่ยแหละ มีอยู่วันหนึ่งคลิกเข้าไปดูซีรี่...

ตั้งแต่โฟลให้ยืมใช้ Netflix วันไหนว่างๆ เบื่อๆ ฉันก็มักจะเข้าไปหาสารคดีดู ส่วนมากก็ดูเกี่ยวกับอาหารเนี่ยแหละ มีอยู่วันหนึ่งคลิกเข้าไปดูซีรี่ย์ของ Netflix ชื่อว่า Chef's Table ดูไปแค่ตอนเดียวก็ติดใจ ทีมโปรดิวเซอร์ของ Netflix นี่เจ๋งมาก ยิ่งได้ดูยิ่งนับถือในความสามารถ




Chef's Table เป็นซีรี่ย์ที่ตามไปถ่ายทำชีวิตในร้านอาหารของเชฟชื่อดังจากทั่วโลก ซีรี่ย์นี้ไม่ใช่แค่รูปสวยอย่างเดียว แต่มีการดึงเอาเรื่องราวในชีวิตและ จุดพลิกผัน และแรงบันกาลใจหลักของเชฟแต่ละคนออกมานำเสนอ เป็นการสร้างสตอรี่ที่เยี่ยมยอดมาก

ขอคารวะทีม Netflix อีกครั้งค่ะ


อย่างตอนแรกสุดของซีรี่ย์ เป็นเรื่องของเชฟชาวอิตาเลียนที่ชื่อว่ามาสสิโม (Massimo Bottura) แห่งร้านอาหาร Osteria Francescana ที่ได้มิชลินสตาร์ 3 ดาว และปัจจุบันได้รับเลือกให้เป็น World's Best Restaurant ด้วย ในตอนนี้มาสสิโมก็เล่าให้ฟังว่าไปพบภรรยาได้ยังไง ตอนที่เลิกกันไปเพราะแกต้องย้ายไปได้งานที่ฝรั่งเศส แต่สุดท้ายทนไม่ไหว ต้องบินกลับไปเซอร์ไพรซ์แฟนที่นิวยอร์ค และตอนที่มาสสิโมขอแฟนแต่งงานผ่านทางโทรศัพท์ในวันที่จะเปิดร้านอาหาร แล้วแฟนต้องบินกับไปนิวยอร์ค ดูไปก็หัวเราะไปอย่างสนุกสนาน

แต่บางตอนก็เครียดกว่าตอนอื่น (ดูๆ ไปแล้วเห็นเลยว่าเชฟส่วนมากเป็นคนค่อนข้างเครียดนะ) อย่างนิกิ นากายาม่า (Niki Nakayama) เชฟอาหารญี่ปุ่นในแอลเอ ที่คบกับซูเชฟ (sous chef) ของร้านอาหารตัวเอง ซึ่งเป็นผู้หญิง (พูดง่ายๆ คือเธอเป็นเลสเบี้ยนนั่นเอง) ได้ข่าวว่าพอ Chef's Table ตอนนี้ออกอาหาศแล้ว ร้านอาหารของเธอก็ดังขึ้นเยอะเลยทีเดียว

ในไทยก็มาถ่ายนะ ที่ร้านอาหารอินเดียของเชฟกักกัน (Gaggan) ที่เล่าไปถึงชีวิตของเขาในอินเดีย ความยากลำบากที่ต้องเจอสมัยยังเด็ก อีกคนที่น่าสนใจคือเชฟฟรานซิส (Francis Mallman) ชานอาร์เจนติเนียนที่อาศัยอยู่บนเกาะเล็กๆ ในพาทาโกเนียซะเป็นส่วนใหญ่


ซีรี่ย์นี้ นอกจากดูแล้วหิว ยังเป็นกาารกระตุ้นต่อมความคิดสร้างสรรค์สุดๆ เพราะการทำอาหารก็เป็นศิลปะอย่างนึง และเชฟแต่ละคนนั้น ที่มาได้ไกลขนาดนี้แค่เก่งอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีความครีเอทีพสูงมากด้วย อย่างมาสสิโมเนี่ย ถ้าทำอาหารอิตาเลียนธรรมดา ถึงจะอร่อยแค่ไหนแต่คงจะไม่แตกต่างจากร้านอาหารอิตาเลียนเจ๋งๆ ร้านอื่นที่มีอยู่ทั่วประเทศ แต่อาหารแต่ละจานของมาสสิโมนี่คือคิดได้ไงไม่รู้ อย่าง The Crunchy Part of the Lasagna คือแกบอกว่าส่วนที่อร่ยที่สุดของลาซาญญ่าคือตรงขอบชีวด้านบนที่มันกรอบๆ จานนั้นก็เลยเสิร์ฟแต่ขอบชีสของลาซาญญ่า หรือของหวานอย่าง Oops! I Dropped the Lemon Tart คือวันนั้นเชฟที่เลมอนทาร์ตอันสุดท้ายในครัวตก แล้วมันหักครึ่ง มาสสิโมเลยเสิร์ฟทาร์ตชิ้นนั้นแบบ  deconstructed  กลายเป็นของหวานประจำร้านไปเลย

You Might Also Like

0 comments

Flickr Images