art and design
british english
design student
italy
life in england
Il Dolce Far Niente—the making of family photo book to Italy
15:07:00โปรเจคต์สุดท้ายของปีผ่านมาและผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ฉันจบปีหนึ่งแล้วนะ
Self-Directed Project เป็นโปรเจคต์เปิดกว่า อยากจะทำงานแบบไหน เกี่ยวกับอะไร เลือกเองได้หมดเลย เหมือนกับว่าโลกทั้งโลกเป็นของเรา เนื่องจากฉันกำลังจะไปเที่ยวอิตาลีกับครอบครัวกว่าสามอาทิตย์ในชาวงปิดอีสเตอร์ เลยคิดอยากทำโปรเจคต์เกี่ยวกับท่องเที่ยวขึ้นมา อยากทำมานานแล้ว พอมีโอกาสได้ไปเที่ยวพอดีเลยตัดสินใจทำซะเลย
เนื่องจากเป็นการไปเที่ยวกับครอบครัว เลยออกจะต่างต่างจากการไปเที่ยวเองหรือไปกับเพื่อนๆ อยู่บ้าง ถ้าไปเองก็เล่นๆ เรื่อยๆ นอนบ้านคนนู้น นัดเจอคนนี้ผ่าน couchsurfing บ้าง วันๆ ก็เดินหาร้านของอร่อยกินแล้วเที่ยวแถวร้านนั้นๆ (วางแผนเที่ยวตามแผนกินนั่นเอง) แต่การไปเที่ยวกับครอบครัว โดยเฉพาะป๊าซึ่งเป็นช่างภาพ ชอบการถ่ายรูปเป็นชีวิตจิตใจนั้นช่างแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง เริ่มจากตื่นแต่เช้า ไม่ตัห้าก็หกโมง เพื่อออกไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้น รอแต่ละที่เป็นชั่วโมง รอคนเดินผ่านบ้าน กอนโดลาผ่านบ้าง แผนการเดินทางเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ตามสภาพอากาศและปริมาณเมฆประจำวัน
เลยคิดสงสัยขึ้นมาว่า เฮ้ย เวลาคนอื่นไปเที่ยวนี่มันโหดแบบนี้มั้ยนะ เค้าแหกขี้ตาตื่นกันแต่เช้าเพื่อไปรอแสงแรกของวันไหม ยิ่งถ้าเป็นพวกฝรั่งนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย เวลาไปเที่ยวคือไปพักผ่อน ตื่นสาย จิบกาแฟ ดื่มด่ำบรรยากาศ
เลยอยากทำเป็น photo book สะท้อนชีวิตการเดินทางกับช่างภาพ เผื่อใครกำลังจะแต่งงานกับช่างภาพก็จะได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้พร้อม ไม่รู้ว่าตอนนั้นแม่รู้ตัวรึเปล่าว่าจะเป็นยังไง แต่คิดว่า 25 ปีที่ผ่านมาคงชินไปแล้วล่ะ
กว่าจะออกมาเป็น photo book เล่มนี้ก็ลำบากยากเย็นพอสมควร เพราะเล่นกับเวลาเป็นส่วนใหญ่ เลยต้องมานั่งดูว่าช่วงเวลาไหนมีโมเม้นต์เด็ดๆ บ้าง จับคู่กันให้เรียบร้อย โดยให้ป๊าแชร์ไฟล์จากกล้องคนอื่นมาให้ทาง google drive เสร็จแล้วต้องดูว่าบางอย่างเราขำเพราะเราอยู่ในเหตุการณ์ แต่คนอื่นจะเก็ทไหมอีกเรื่อง เลยต้องคอยเก็บ feedback จากคนอื่นด้วย จากนั้นก็ต้องมาคิดว่าจะปริ้นท์บนกระดาษแบบไหน เย็บเข้าเล่มด้วยวิธีไหน ต้องวางแผนเยอะพอสมควร แต่พอเสร็จออกมาแล้วก็คิดว่าคุ้ม เพราะอยากทำ photo book มานานแล้ว ยิ่งเป็นของทริปที่เที่ยวมาด้วย เหมือนเป็นการเก็บรักษาความทรงจำอย่างหนึ่งไงล่ะ
โปรเจคต์นี้ นอกจากจะได้จัดวางเลย์เอ้าท์แล้ว ยังมีของแถมมาเป็นการหัดใช้ letterpress และ embossing บนปกหนังสือ ที่วางโชว์หนังสือจากไม้เองด้วย ส่วนตัวชอบ letterpress เป็นพิเศษ คิดว่าว่างๆ คงจะได้เข้าไปเล่นอีกแน่นอน
บางวันตื่นแต่เช้า บางคนรอบนรถ
แต่พอมีหมาออกมาทักทายก็รีบลงจากรถ
บางทีก็ทิ้งน้องแล้วไปซื้อขนมปังมาเลี้ยงครอบครัว
วันไหนร้านขนมปังปิดก็เซ็งหน่อย ไม่มีอะไรทำ เลยยืดเส้นยืดสายไปพลางๆ
บางครั้งโชคดีจุดถ่ายรูปอยู่ใกล้ร้านไอติม ไม่มีใครมาบ่นว่าเบื่อ นั่งรอร้านเปิดกันอย่างว่านอนสอนง่าย
บางคนชอบถ่ายรูปอาหาร แต่บางคนชอบกินอย่างเดียว
เวลาน้อย ถ่ายรูปติดพัน เลยให้สมาชิกในครอบครัวไปสั่งอาหารรอ ระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟก็ออกฟิลด์ถ่ายรูปไปพลางๆ พออาหารมาเสิร์ฟแล้วค่อยมากิน
ซ้ำๆ เดิมๆ มานั่งรอพระอาทิตย์ตกที่สะพานตัวนี้ทุกวัน
เบื่อขนาดไหนก็ลองดูจำนวนเซลฟี่ที่น้องสาวถ่ายระหว่างรอป๊าถ่ายรูปละกันนะ
สามารถดู photo book แบบเต็มๆ ได้บนเว็บ issuu เลย
0 comments