art and design
design student
life in england
Design Process—เพราะความคิดสร้างสรรค์ไม่ได้มาจากการนั่งอยู่เฉยๆ
15:11:00
ตอนเรียน Foundation เมื่อปีที่แล้ว ติวเตอร์จะเน้นมากเรื่อง design process แล้วเราก็จะต้อง document ทุกอย่างที่ทำลงในสเกตช์บุ้คเป็นส่วนหนึ่งของงานด้วย คือเวลาตรวจงานจะไม่ได้ดูแต่ชิ้นงานที่เราทำ แต่ขั้นตอนการคิดงานของเรานั้นสำคัญมาก สำคัญยิ่งกว่าชิ้นงานซะอีก
พอช่วงปลายๆ ปีก็จะเริ่มมีไกด์ไลน์ให้ว่า เวลาทำงานครีเอทีฟ ขั้นตอนการคิดจะเป็นประมาณนี้นะ วันนี้เลยลองสรุปมาให้ฟัง และถือเป็นการเตือนความจำตัวเองไปในตัว เพราะพอขึ้นปีหนึ่งติวเตอร์ไม่มาจี้ให้ทำสเกตช์บุ้คแบบนี้แล้ว เลยต้องคอยตอนตัวเองให้ถ่ายรูป ถ่ายสกรีนช้อต โชว์ขั้นตอนการคิดของเราด้วย
ตัวอย่างสเกตช์บุ้คที่เอามาให้ดูเป็นของโปรเจ็ตค์ branding and website design ของงเว็บ eattheseasons.co.uk ที่ทำเมื่อปีที่แล้ว
1. research
อย่างแรกต้องรู้ก่อนว่าสิ่งที่จะทำเกี่ยวกับอะไร แล้วหาข้อมูลเกี่ยวกับมันให้มากที่สุด ทั้งที่เป็น factual และ visual บางทีเราอาจจะคิดว่าเรารู้อยู่แล้ว แต่การพยายามหาข้อเท็จจริงใหม่ๆ อาจจะทำให้เราได้รู้อะไรแปลกๆ ที่จะกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของโปรเจคต์ก็ได้
จากนั้นพอรู้แล้วว่าจะทำอะไร ก็ต้องคิดว่าเราต้องการจะสื่อสารอะไร สื่อสารกับใคร และต้องใช้สื่อแบบไหนถึงจะเหมาะสม
2. have a lot of stupid ideas
คือมีไอเดียอะไรก็เอาลงกระดาษให้หมด ไม่ว่าจะคิดว่ามันไร้สาระ หรือไม่เห็นเจ๋งเลย เพราะนี่มันแค่จุดเริ่มต้น ไอเดียแต่ละอันสามารถพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นได้ทั้งนั้น
3. get feedback, reflect and do more research
อยากรู้ว่าไอเดียไหนเวิร์คไม่เวิร์คก็ต้องลองเอาไปถามกลุ่มเป้าหมายของเรา พอได้ feedback มาแล้วก็มาทำ research ต่อ เพื่อที่จะพัฒนาไอเดียให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
4. try different ways
จะเวิร์ครึเปล่าไม่รู้แต่ลองทำดูก่อน ลองเปลี่ยนหลายๆ สี เปลี่ยนฟอนต์ ถามตัวเองว่าทำไม่ต้องเป็นรูปทรงนี้ ทำไมตรงเป็นสีนี้ ถ้าใหญ่กว่านี้จะเป็นยังไง หรือถ้าเล็กกว่านี้ล่ะ? ลองหลายๆ แบบ แล้วจะได้เอามาวางเปรียบเทียบกันว่าแบบไหนเข้าตาที่สุด
5. repeat step 3 and 4
ลองไปเรื่อยๆ แต่ลองแล้วจะอาความคิดเห็นตัวเองเป็นหลักอย่างเดียวไม่ได้ ต้องเอาความคิดเห็นคนอื่นมาพิจารณาด้วย ได้รับ feedback มาว่าอย่างไรก็เอามาวิเคราะห์ดู ว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ ทำไมเว็บไซต์ถึงใช้ยาก หรือว่าฟอนต์ไม่เหมาะสม วางเลย์เอ้าท์ไม่ดี ลองแก้หลายๆ แบบ ถามความเห็นคนอื่นอีกรอบ ทำวนไปวนมาอย่างนี้เรื่อยๆ จนกว่าจะออกมาเป็นผลงานที่เสร็จสมบูรณ์นั่นแหละ
6. evaluation
พอจบโปรเจคต์แล้วจะต้องประเมินผลงานโดยรวมของโปรเจคต์ทุกครั้ง ว่าผลงานออกมาตอบโจทย์ที่ได้รับรึเปล่า ตัวเองทำงานดีแค่ไหน การจัดการเวลาเป็นอย่างไรบ้าง ได้เรียนรู้อะไรจากโปรเจคต์นี้ ทำอะไรแล้วประสบความสำเร็จ หรือไม่ประสบความสำเร็จ โปรเจคต์หน้าจะเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงาน วิธีการคิดของตัวเองไง เป็นต้น
0 comments