­

คนอังกฤษเขาเรียนศิลปะกันยังไง—2

ตอนนี้เรียนมาได้ครึ่งทางแล้ว เหลือเวลาเรียนอีกไม่ถึงห้าเดือนก็จะจบคอร์สนี้ละนะ ที่ผ่านมา หลังจากมีปิดเทอมเล็กที่ฉันแอบหนีไปเที่ยวลอนดอนอาท...

ตอนนี้เรียนมาได้ครึ่งทางแล้ว เหลือเวลาเรียนอีกไม่ถึงห้าเดือนก็จะจบคอร์สนี้ละนะ

ที่ผ่านมา หลังจากมีปิดเทอมเล็กที่ฉันแอบหนีไปเที่ยวลอนดอนอาทิตย์นึง พอเปิดเทอมมาอีกทีเราต้องแยกย้ายกันไปเรียนตามสาขาต่างๆ ที่สนใจ คอลเลจของฉันมีอยู่ 4 สาขา ได้แก่:

Fine Art—วิจิตรศิลป์นี่ไม่ใช่แค่ drawing กับ painting นะ แต่จะเป็นภาพถ่าย ภาพยนตร์ หรืองาน 3D ก็ได้
TFC—Textile/Fashion/Costume Design ตามนั้นเลย เด็กส่วนมากจะเป็นแฟชั่น มีบ้างที่เป็น Textile (ออกแบบพวกแพทเทิร์นทั้งหลาย ทั้งบนผ้าและบนกระดาษ) ส่วน Costume Design นี่มีน้อยมาก
MAGPi—Moving image/Animation/Graphic/Photography/Illustration พูดง่ายๆ คืองานกราฟฟิคทั้งหลายแหล่ ที่ออกแบบให้ตรงตามความต้องการของลูกค้านั่นเอง
OSD—Object and Spatial Design แบ่งเป็นสองสาขาย่อย คือ Object/Product และ Spatial (พวกสถาปัตย์ ออกแบบภายใน ออกแบบฉาก)

หลายคนอาจจะสงสัยว่า Fine Art กับ MAGPi นั้นต่างกันยังไง สิ่งที่สองสาขานี้แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดคือ MAGPi จะมีโจทย์มาให้เสมอ เช่นไปออกแบบโลโก้บริษัท โปสเตอร์งานปาร์ตี้ ถ่ายแฟชั่นให้นิตยสาร เขียนบทโฆษณา etc. พูดง่ายๆ คือเป็นการทำงานศิลปะที่ตรงตามความต้องการของลูกค้า/ตลาด ในขณะที่ Fine Art จะออกแนวเปิดกว้าง โจทย์ก็จะกว้างๆ บางครั้งให้ตั้งโจทย์เอง งานที่ออกมาจะเป็นแนวแบบติสต์ มีความหมายลึกซึ้ง คนส่วนมากไม่เข้าใจว่าไอ้นี่มันต้องการจะสื่ออะไรกันแน่วะ ติสต์เหลือเกิน


พล่ามมาซะยาว สรุปแล้วฉันเลือก MAGPi นะ

พอเปิดเรียนมาวันแรกก็มีเลคเชอร์เกี่ยวกับโปรเจคต์ที่ชื่อว่า Ugly Duckling (ลูกเป็ดขี้เหร่)  คือการเอาสิ่งของธรรมดาสามัญในชีวิตประจำวันอย่างมะนาว ที่เปิดขวด แว่นขยาย มาแปลงโฉมให้น่าสนใจ แต่ละคนจะได้สิ่งของไม่เหมือนกัน ละให้เอาสิ่งของนั้นมีเป็นจุดเริ่มต้นของงานที่จะทำ ไม่ว่าจะเป็นแค่สีหรือรูปทรงก็ได้ จะเอามาถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ วาด ออกแบบโปสเตอร์ ทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น โดยให้เวลา 5 สัปดาห์สำหรับงาน 100 ชิ้น!

ตอนแรกนี่เครียดเลยค่ะ หนึ่งร้อยชิ้น จะบ้ารึเปล่า

แต่คือจริงๆ แล้วเขาไม่มานั่งนับหรอก ขอแค่เราทำงานออกมาได้มากชิ้นที่สุด จะแค่เปลี่ยนสีพื้นหลังเป็นคนละสีก็นับเป็นอีกชิ้นนึงแล้ว หลักๆ คือต้องการให้เราลองทำหลายๆ อย่างมากกว่า

ที่จริงสิ่งของที่ฉันได้คือผ้าเช็ดจาน แต่แบบใครมันจะไปอยากทำงานศิลปะ 100 ชิ้นที่เกี่ยวข้องกับผ้าเช็ดจานล่ะ ฉันเลยจัดการเปลี่ยนมาทำเกี่ยวกับขนมปังแทน ซึ่งสนุกและน่าสนใจกว่ากันเยอะ (เพราะมันเกี่ยวกับอาหารนั่นเอง)

งานที่ฉันทำส่วนมากจะเน้นไปทางด้าน branding และ advertising เพราะเป็นคนชอบทำอะไรที่ใช้ได้จริง ไอ้พวกงานกราฟฟิคแบบ Abstract นี่ไม่ใช่แนวอยู่แล้ว

งานหลักๆ ที่ทำเสร็จไปแล้วก็มี...


วาดรูปขนมปังชนิดต่างๆ เป็นคาแรคเตอร์ แล้วเอามาทำแพทเทิร์น


ออกแบบตัวหนังสือ (OH DONUT) เป็นเป็นคล้ายๆ โปสเตอร์หรือโลโก้ของร้านขายโดนัท แล้วเอาไปพิมพ์ด้วยเทคนิค Screenprint


ออกแบบ type อีกแล้ว ที่จริงลงสีเสร็จแล้วแต่ยังไม่ได้เอามาสแกน


ไปขุดรูปถ่ายเก่าๆ มาวาดเล่น


และชิ้นที่ภาคภูมิใจที่สุด คงหนีไม่พ้นวิดีโอโปรโมทเบเกอรี่ท้องถิ่นชิ้นนี้



ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มทำโปรเจกต์นี้ก็คิดไว้ในใจแล้วว่าอยากถ่ายวิดีโอคนทำขนมปัง จะให้ฉันมาทำเองถ่ายเองคงไม่ได้ แถมห้องครัวที่หอนั้นไม่มีความน่าถ่ายรูปเลยสักนิด แสงก็ไม่ดี ฉันเลยคิดไปถึง Leeds Bread Co-Op เบเกอรี่เล็กๆ ที่ไม่มีหน้าร้าน ทำขนมปังส่งตามคาเฟ่ต่างๆ และขายออนไลน์อย่างเดียว ด้วยความที่เป็นธุรกิจเล็กๆ เข้าถึงง่าย แถมเคยไปดูเบเกอรี่กับชมรม Green Action มาแล้ว ฉันลองอีเมล์ไปถามเขาดูว่าขอเข้าไปถ่ายวิดีโอตอนทำขนมปังได้ไหม คุยไปคุยมา นัดวันอะไรกันเรียบร้อยแล้วก็เข้าไปเลย

ตอนแรกที่คุยกัน ฉันคิดว่าไปวันเดียว อยู่ดึกๆ หน่อยคงถ่ายเสร็จ ปรากฏว่าพอไปถึงจริงๆ วันแรกนี่คือถ่ายมั่วไปหมด ไม่รู้หรอกว่า final piece จะออกมาเป็นยังไง รู้แต่ว่าต้องการคลิปจากทุกขั้นตอนการทำขนมปัง ตั้งแต่เริ่มชั่งแป้งไปจนขนมปังอบเสร็จออกจากเตา เอามาทาเนยกิน



ด้วยความที่ไม่รู้มาก่อนว่าคนที่เบเกอรี่เขาทำงานกันยังไง อะไรก่อนหลัง บวกกับเกรงใจ baker ไม่กล้าไปสั่งให้เขาทำนู่นทำนี้ตามที่เราอยากถ่าย ไปวันแรกเลยเหมือนกับไปดูลาดเลามากกว่า แต่ก็ถ่ายวิดีโอมาให้เยอะที่สุดด้วย

กลับจากการไปถ่ายทำวันแรก เอาวิดีโอที่ถ่ายมาทั้งหมดมานั่งดู (เป็นร้อยคลิปจ้ะ) คิดคอนเซ็ปต์ให้เรียบร้อยว่าจะตัดต่อออกมาเป็นยังไง แล้วจดโน้ตไว้ว่าต้องไปถ่ายช็อตไหนเพิ่มบ้าง พอเข้าไปครั้งที่สองเลยทำงานเป็นระบบมาก สั่งได้เป็นฉากๆ อยากให้คนไหนช่วยทำอะไร รวมๆ แล้วใช้เวลาอยู่ในเบเกอรี่แห่งนี้กว่าสิบชั่วโมง (สำหรับคลิปความยาวสามนาที...) บวกเวลาตัดต่อ ทำ stop motion นาฬิกาและเลือกเพลงอีก


แต่พอทำเสร็จแล้วรู้สึกภูมิใจสุดๆ เป็นงานที่รู้สึกว่าเราทำให้กับลูกค้าจริงๆ เพราะทำให้ธุรกิจที่มีอยู่จริง และเขาสามารถนำวิดีโอของเราไปใช้ได้จริง ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า เฮ้ย งานที่เราทำนี่มันไม่ใช่แค่งานออกแบบศิลปะที่ดูสวย ดูเพลินแค่นั้นนะ มันมีหน้าที่ มีเป้าหมายอยู่ด้วย


ตอนนี้ครบ 5 สัปดาห์ แล้ว ฉันยังมีงานไม่ถึง 50 ชิ้น แถมยังมีโปรเจคต์ลำดับที่สอง (และโปรเจคต์สุดท้ายก่อนไฟนอล) ตามมา นั่นคือให้เอางานจากโปรเจคต์แรก (Ugly Duckling) เลือกมาชิ้นนึงเป็นตัวตั้ง คิดโจทย์ของโปรเจคต์ที่สองนี้ขึ้นมาเอง เหมือนกับเอางานที่มีอยู่แล้วมาพัฒนา ถ้ามีโปสเตอร์หรือโลโก้ อาจจะเอามาทำเป็นร้านอาหาร ออกแบบเมนู นามบัตรอะไรให้ครบเซ็ท หรือจะเอาแค่โทนสีของงานจากโปรเจคต์แรกมาคิดงานชิ้นใหม่ก็ได้

เรียกได้ว่าให้อิสระกันเต็มที่เลยทีเดียว

มีเวลาทำโปรเจคต์นี้ถึงต้นเดือนกุมภา หลังจากนั้นจะมีเวลาพัก+ทำรีเสิร์ชเกือบทั้งเดือน (วางแผนเที่ยวอยู่...) เสร็จแล้วก็เป็นเวลาของ Final Project จนถึงปลายเดือนพฤษภาคมที่จะมีจัดนิทรรศการนู่นเลย

ไว้จะมาต่อพาร์ทสามสำหรับไฟนอลโปรเจคต์นะ


You Might Also Like

4 comments

  1. เฟิร์นโคตรเจ๋งอ่ะะะะะะะะ ไม่รู้จะพูดไงเลย55555555

    (พี่เบลล์)

    ReplyDelete
    Replies
    1. รีบตามมาเรียนเร้ววว

      Delete
  2. ที่โน่นน่าเรียนมาก แลดูสนุก เคยคิดอยู่ว่าซัมเมอร์อยากไปหาเรียนคอร์สสั้นๆ
    อัพบ่อยๆ นะ ติดตามอยู่ <3

    ReplyDelete
    Replies
    1. มาเลยย มีอะไรให้แนะนำได้บอก อยากเห็นงานพี่กายบ้างอ่ะ 555

      Delete

Flickr Images