เปลี่ยนแผนสายฟ้าแลบ หนีพายุหิมะไป Grundarfjordur

พายุเข้าฝั่งตะวันตกของประเทศ มันคือพายุจริงๆ ที่ลมแรงมากกว่าที่เคยเจอมาก่อนหน้านี้ มันทำให้เราตัดสินใจเปลี่ยนแผนอย่างกระทันหัน ขับรถรวดเดี...

พายุเข้าฝั่งตะวันตกของประเทศ

มันคือพายุจริงๆ ที่ลมแรงมากกว่าที่เคยเจอมาก่อนหน้านี้ มันทำให้เราตัดสินใจเปลี่ยนแผนอย่างกระทันหัน ขับรถรวดเดียวไปนอนที่ Grundarfjordur แทนที่จะพักในกระท่อมน้อยกลางทุ่งที่ Hvammstangi
ระหว่างทางเราเจอม้าตัวเตี้ยขนยาวสายพันธุ์ไอซ์แลนด์มากเป็นพิเศษ เลยถือโอกาสแวะถ่ายรูปกันหลายรอบ ช่วงเช้านั้นพายุยังไม่เข้า แต่ลมก็แรงพอสมควร พัดให้แพงคอของม้าเหล่านี้ปลิวไสวสวยงามสุดๆ


เราแวะพักถ่ายรูปและกินข้าวเที่ยง (แซนวิชไทม์กลับมาอีกครั้ง) ที่ Hvitserkur—หินรูปช้างกลางทะเล ซึ่งต้องวิ่งเข้าถนนสาย 711 หรือ 717 ขึ้นไปทางเหนือประมาณ 25 กิโลเมตร (เป็นถนนลูกรังกว่าครึ่งทางนะจ๊ะ) แถวๆ นี้มองลงไปจะเห็นแมวน้ำว่ายน้ำเล่น กระโดดไปมาอยู่ในทะเล (เสียดายไม่มีกล้องส่องทางไกล)

เบื้องหลัง vs เบื้องหน้า
พอเราขึ้นรถ กำลังจะออกเดินทางเท่านั้นแหละ หิมะเริ่มตกลงมาทันที

เริ่มแล้วก็ไม่ยอมหยุดกันง่ายๆ ด้วยสิ

นอกจากหิมะตกและลมแรงแล้ว สิ่งที่โหดร้ายกว่านั้นคือถนนที่ไม่ได้ลาดยางกว่า 100 กิโลเมตรที่ต้องขับผ่านแบบไม่มีทางหลีกเลี่ยง หรือจะเลี่ยงที่ navigator บอกเราก็ได้ แต่นั่นหมายถึงระยะทางที่อ้อมไปอีก 100 กิโลเมตร


ทางลูกรัง
100 กิโลแมตร
หิมะตก
และลมแรงมาก!

มันแรงจนเรารู้สึกได้ว่าหล่นสั่นเหมือนสูญเสียการควบคุม โดยเฉพาะช่วงที่ถนนเลาะริมทะเล นับถือคนขับจริงๆ ที่พาเราไปถึง Grundarfjordur อย่างปลอดภัย

ถนนเลียบทะเลก่อนถึง Kirkjufell

ที่เที่ยวหลักของที่นี่คือ Kirkjufell น้ำตกเล็กๆ ด้านหน้าภูเขาที่รูปทรงเหมือนภูเขาในจินตนาการของเด็กอนุบาลสุดๆ เราไปที่นี่กันทุกเช้ารับแสงอรุณ และตอนเย็กก่อนพระอาทิตย์ตกดิน เพื่อแสงที่สวยที่สุดในการถ่ายรูป มันคือความสะดวกสบายของคนที่พักเมือง Grundarfjordur เพราะน้ำตกนี้ขับรถแค่ห้านาทีก็ถึงแล้ว ใครพัก Stykkisholmer นี่อยู่ห่างไปเกือบ 45 นาทีเลยนะ

 เช้าวันสุดท้ายที่หิมะตกทั้งคืน จนน้ำที่น้ำตกกลายเป็นน้ำแข็ง ส่วนเจ้าม้าพวกนี้ก็ยืนหนาวกลางหิมะอยู่แถวๆ นั้นเอง

ด้วยสภาพอากาศที่ไม่ค่อยเป็นใจ ทำให้การถ่ายรูปที่น้ำตกแห่งนี้เป็นไปอย่างยากลำบาก ทั้งลมแรงที่พัดมาเป็นช่วงๆ จนแทบปลิว อากาศที่หนาวเย็น และท้องฟ้าที่เปิดๆ ปิดๆ มีแดดบ้าง ไม่มีบ้าง สลับกันไปทุกๆ สิบนาที

ไอซ์แลนด์นี่มีครบทุกฤดูในหนึ่งชั่วโมงจริงๆ


ที่จริงแถบอุทยานแห่งชาติ Snaefellsnes มีที่เที่ยวอีกเยอะแยะ แต่ด้วยความที่สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย (อีกแล้ว มาเที่ยวไอซ์แลนด์ต้องเผื่อใจเอาไว้เลยนะ) เลยต้องพับโปรแกรมเหล่านั้นเก็บไว้สำหรับคราวหน้า เรามีโอกาสได้ขับลงไปทางใต้ของแหลม/อุทยานแห่งชาติ Snaefellsnes เพื่อไปหิมมีรูริมทะเล (อีกแล้ว) ที่ Anarstapi เมืองตกปลาเล็กๆ ริมทะเลที่มีบ้านประมาณ 20 หลังได้ เราขับรถผ่านหุบเขาโดยใช้ถนนสาย 54 ที่ลาดยางเรียบร้อย แต่ลมแรงมากและเต็มไปด้วยหิมะ นานๆ จะเห็นรถคันอื่นผ่านเข้ามาสักที เป็นถนนที่เงียบ เรียบ และร้าง เหมาะสำหรับจอดถ่ายรูปสุดๆ


ก่อนถึง Anarstapi ไม่นาน ทิวทัศน์สองข้างทางเต็มไปด้วยทุ่งหิมลาวาสีเขียว ตัดกับหิมะสีขาวสะอาดดู และกระท่อมฟางเล็กๆ น่ารักให้เราได้แวะถ่ายรูป แต่พอไปถึงแล้วกลับไม่ได้ถ่ายอะไรสักเท่าไหร่ เพราะริมทะเลทั้งลมแรง และแดดออก แต่พอผ่านไปเพียงสิบนาที จู่ๆ ลูกเห็บขนาดย่อมก็ตกลงมาแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้เราต้องรีบวิ่งกลับขึ้นรถแทบไม่ทัน


เราขับรถผ่านตัวเมือง Grundarfjordur ทุกเช้าก่อนไป Kirkjufell สิ่งที่พิเศษสำหรับเมืองเล็กๆ ริมทะเลในตอนเช้าคือหิมะที่ตกมาตลอดทั้งคืนได้เคลือบถนนทั่วเมืองเอาไว้บางๆ แล้วเราได้เป็นคนแรกที่วิ่งผ่าน ประทับร้อยล้อรถเอาไว้

มันคือที่มาของ The Road Less Travelledนั่นเอง

You Might Also Like

0 comments

Flickr Images