จากบ้านนอกเข้าเมือง Akureyri

ตื่นเช้ามาเจอกับหิมะและความขาวระดับ 99.99 อีกครั้ง

วันนี้มีเรื่องน่าตื่นเต้น เพราะเราจะได้เข้าเมืองใหญ่ และกินอาหารอร่อยๆ ในร้านสักที!!

เราไม่ต้องขับรถไกลมากนัก และจุดแวะพักระหว่างทางก็มีเพียง Godafoss เท่านั้น มันคือน้ำตกอีกแห่งที่ดูงดงามมากท่ามกลางหิมะ และหนึ่งในน้ำตกที่ฉันชอบมากที่สุดในทริปนี้

แม้วันนี้ท้องฟ้าจะดูสดใสไร้เมฆ แต่ลมก็ไม่ได้เบาไปกว่าเมื่อวานเลย ทำให้การถ่ายรูปเป็นไปได้อย่างยากลำบาก ต้องคอยหลบไม่ให้เลนส์โดนหิมะตกหรือปลิวใส่ และวิ่งเข้าไปลม หาความอบอุ่นในรถกันอยู่บ่อยๆ

นักท่องเที่ยวสามารถชม Godafoss ได้จากสองฝั่ง โดยฝั่งซ้ายของน้ำตกที่มีตึกสีเหลืองตั้งอยู่จะเห็นน้ำตกในมุมที่เปิดกว้างมากกว่า น่าเสียดายที่ถนนเส้นนั้นดันปิดเพราะโดนหิมะทับถมซะนี่
แต่อีกฝั่งก็สวยไม่แพ้กันเลยล่ะ

ด้านหน้าภูเขาหิมะนั่นคือเมือง Akureyri กับพายุที่กำลังพัดออกจากฝั่ง

หิมะเริ่มตกหนัก และลมพัดแรงขึ้นเมื่อเราเข้าใกล้ Akureyri แต่พอถึงในเมือง แดดดันออกซะนี่ เราเลยเดินเล่นกันสบายๆ ในเมือง

Akureyrarkirkja โบสถ์ประจำเมืองกับสถาปัตยกรรมแบบโมเดิร์นสไตล์ไอซ์แลนด์

เมืองใหญ่อันดับสองของประเทศเล็กว่าที่ฉันคิดไว้มาก แต่ในจากกลางเมืองยังมีโฮสเทลเก๋ๆ อย่าง Akureyri Backpackers และคาเฟ่น่านั่งหลายแห่ง Bla Kannan Cafe และ Cafe Laut ในสวนโบทานิค
ร้านอาหารชื่อดังของที่นี่คงหนีไม้พ้น Rub 23 ร้านอาหารฟิวชั่น ที่มีธีมว่าให้ลูกค้าสามารถเลือกเครื่องที่จะเอามาหมักหรือ rub บนปลาหรือเนื้อเองได้ นอกจากนี้ยังมีซูชิ และพิซซ่าซูชิ อาหารฟิวชั่นรสชาติแปลกใหม่ที่อร่อยใช้ได้เลยทีเดียว ถ้าไปกินมื้อกลางวัน จะไม่มีให้เลือก rub เอง แต่มีเป็นเมนูมาให้ ราคาของมื้อกลางวันจึงจะถูกกว่ามื้อเที่ยง และถือว่าไม่แพงเท่าไหร่เพราะถ้าสั่งเป็นปลานี่ได้เยอะ ปลาชิ้นใหญ่ด้วย

Sushi Pizza—cod fish with herbs and rice—sweet and sour arctic charr with lentils

มาเที่ยวไอซ์แลนด์ช่วงนี้ นานๆ จะได้เข้าร้านอาหารสักที ฝากท้องไว้กับแซนวิช มาม่า สลัด และซุปสำเร็จรูปมาหลายวัน ได้กินอาหารร้อนๆ ให้อิ่มหนำสำราญสักที

เนื่องจากโรงเบียร์ของ Kaldi ที่ป๊าไปกินแล้วถูกที่ Microbar ใน Reykjavik นั้น อยู่ไม่ไกลจาก Akureyri พอตกเย็นเราเลยออกมาตากหาเบียร์ Kaldi กัน เท่าที่เสิร์ชดูจากอินเตอร์เน็ต ทั้งเมืองมีผับเพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่มีเบียร์สดของ Kaldi นั่นคือ Brugghúsbarinn ที่อยู่ใจกลางเมือง ใกล้ๆ โบสถ์นั่นเอง ที่จริงโรงเบียร์ที่ห่างจากเมืองไปทางเหนือประมาณ 30 กิโลเมตร มีทัวร์โรงเบียร์ในราคาเพียงคนละ 1,000ISK เท่านั้น (อาจจะต้องอีเมล์หรือโทรไปนัดล่วงหน้า ให้ที่พักทำให้ก็ได้) แต่ถ้าเราไปทัวร์กันจะไม่มีใครขับรถกลับที่พัก ป๊าก็เลยอดไปตามระเบียบ

รอลูกสาวขับรถคล่องๆ แล้วมาใหม่ละกัน