­

ตอนอยู่อิตาลี เวลาไปไหนมาไหน แล้วบอกผู้คนที่เจอว่าชอบกิน ชอบลองอาหารท้องถิ่น ใครก็บอกว่าฉันต้องไปซิซิลี เพราะอาหารที่นู่นนั้น คือที่สุดข...

ตอนอยู่อิตาลี เวลาไปไหนมาไหน แล้วบอกผู้คนที่เจอว่าชอบกิน ชอบลองอาหารท้องถิ่น ใครก็บอกว่าฉันต้องไปซิซิลี เพราะอาหารที่นู่นนั้น คือที่สุดของอาหารอิตาลีแล้ว ผักผลไม้ที่สดกว่าภาคอื่นๆ น้ำมันมะกอกรสชาติเยี่ยม อาหารทะเล ชีส เนื้อสัตว์ คือมีครบเลยจริงๆ ได้ยินเข้าบ่อยๆ คนขี้สงสัยอย่างฉันจะไม่ไปลองได้อย่างไรล่ะช่วง ซัมเมอร์เลยถือโอกาสหนีอากาศร้อนอบอ้าวในเมือง ไปรับลมเย็นริมทะเล และทัวร์กินอาหารท้องถิ่นของเกาะซิซิลีไปด้วยเลย อาหารของซิซิลีนั้น เป็นอาหารอิตาเลียนที่ได้รับอิทธิพลมาจากทั้งแอฟริกา (ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ชั่วโมง) กรีซ สเปน และชาวอาหรับ จึงทำให้มีเครื่องเทศและเครื่องปรุงแปลกๆ ไม่เหมือนภาคอื่นๆ ของอิตาลี เห็นได้ชัดในอาหารคาว อย่างการใช้ซินนามอน ลูกจันท์ หญ้าฝรั่น มาประกอบอาหาร ไปจนถึงใช้ลูกเกดในอาหารคาว ทั้งหมดนี้ได้รับอิทธิพลมาจากชาวอาหรับที่เคยปกครองซิซิลีมากว่าสองร้อยปีนั่นเอง ข้าวเช้าของคนอิตาลีส่วนมากคือกาแฟหนึ่งแก้ว (หรือเอสเปรสโซ่หนึ่งช็อต) กับขนมชิ้นเล็กๆ พวกครัวซองไส้ครีมหรือช็อคโกแลต กินข้าวเช้าเหมือนมื้อสายบ้านเรา บนเกาะซิซิลีนั้นมีตัวเลือกสำหรับมื้อช้าวอีกอย่าง ที่น่าจะอยู่ท้องกว่าครัวซองเล็กน้อย ส่วนหนึ่งเพราะมันเต็มไปด้วยน้ำตาล ไม่ต่างจากน้ำแข็งไสหรือบิงซูเท่าไหร่นัก มันคือเจ้ากรานิต้า (granita) นั่นเอง เป็นลูกครึ่งระหว่างไอติมแบบซอร์เบต์ไร้นม กับน้ำผลไม้ปั่น เกล็ดน้ำแข็งเล็กๆ เนียนละเอียด กินแล้วชื่นใจ และไม่ได้มีแต่รสผลไม้เท่านั้น รสกาแฟและอัลมอนด์คือรสคลาสสิค ส่วนรสโปรดของฉันคือพิสตาชิโอ้นั่นเอง คนที่นี่มักจะกินกรานิต้ากับขนมปังบริยอชนุ่มหอมเนย ฉีกขนมปังออกมาแล้วเอาไปจุ่มในกรานิตาให้ชุ่มฉ่ำ ยิ่งช่วงหน้าร้อนยิ่งชื่นใจ มีรสผลไม้สดมากมาย...

Read More

เคยมาเล่าเรื่องการ ปั้นจานชามช้อนส้อม เซรามิคไปแล้ว อ่านๆ ดูอาจจะฟังดูง่ายจัง แต่จริงๆ แล้วการขึ้นรูปถ้วยชามนั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเล...

เคยมาเล่าเรื่องการปั้นจานชามช้อนส้อมเซรามิคไปแล้ว อ่านๆ ดูอาจจะฟังดูง่ายจัง แต่จริงๆ แล้วการขึ้นรูปถ้วยชามนั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเลยนะ อย่างน้อยก็สำหรับฉันล่ะ คนที่ทำเป็นอาชีพ ทำกันทุกวัน มือเขาคงจะชินแล้ว แต่ฉันมือสมัครเล่นแบบนี้ ยังมีอะไรให้ต้องฝึกฝนอีกเยอะ เลยอยากพามาดูการทำเซรามิคเป็นเครื่องประดับ ที่ง่ายกว่ากันเยอะ แถมยังน่ารัก เอามาสวมใส่ หรือเป็นของขวัญให้คนอื่นได้อีกด้วย ฉันมักจะสร้างสรรค์คอลเลคชั่นเซรามิคใหม่ๆ มาเรื่องๆ อย่างปีแรกทำเป็นลายลูกไม้ พอปีถัดมาลองทำเป็นรูปทรง geometry เติมสีสรรเข้าไปบ้าง ปีล่าสุดหลงไหลธรรมชาติ ต้นไม้ใบหญ้าเป็นพิเศษ ระหว่างเดินไปมหาลัยเลยแวะเด็ดใบสนข้างทาง เอามาตกแต่งงานเซรามิคของเราอยู่บ่อยๆ โดยการทำเครื่องประดับจากเซรามิคนั้นง่ายมากๆ และโอกาสผิดพลาดน้อย เพราะเป็นงานชิ้นเล็ก จะกินเวลานานหน่อยก็ตอนเคลือเกลซ (glaze) เนี่ยแหละ เพราะเคลือบเสร็จแล้วก็ต้องห้อยราวเอาไว้ เตรียมเข้าเตาเผา ทำให้กินที่ในเตาด้วย แต่ขึ้นตอนการทำนั้นง่ายมากๆ เลย ขั้นตอนการทำสร้อยคอจากเซรามิคก็เหมือนการทำคุ้กกี้เลยแหละ ขั้นแรกก็ต้องเอาดินมารีดเป็นแผ่นบางๆ ประมาณ 0.3 มิล รอให้ดินแข็งขึ้นสักพัก เป็น leather hard stage นั่นแหละ แล้วถึงเริ่มตกแต่ง ถ้าจะรีดลายลูกไม้ หรือใบไม้ลงไป ให้ทำก่อนตัดออกมาเป็นรูปทรงนะ พอตัดออกมาเป็นชิ้นๆ แล้ว รอให้ดินแห้งอีกหน่อย (งานชิ้นแล็กๆ แบบนี้ ดินแห้งเร็วมาก)...

Read More

ซาร่า (Sara) ไม่ใช่คนซิซิเลียน เธอไม่ใช่คนอิตาเลียนด้วยซ้ำ แต่ฝีมือการทำริซอตโต้ (risotto) ของเธอนั้นอร่อยกว่าที่คนอิตาเลียนหลายคนทำให้ฉันชิ...

ซาร่า (Sara) ไม่ใช่คนซิซิเลียน เธอไม่ใช่คนอิตาเลียนด้วยซ้ำ แต่ฝีมือการทำริซอตโต้ (risotto) ของเธอนั้นอร่อยกว่าที่คนอิตาเลียนหลายคนทำให้ฉันชิมซะอีก ซาร่าเป็นคนสก็อตแลนด์ แต่ฉันได้รู้จักกับเธอครั้งแรกตอนไปเที่ยวเมืองยอร์ค (York) แล้วไปนอนค้างบ้านของเธอผ่านเว็บไซต์ Couchsurfing เราห่างหาย ไม่ได้ติดต่อกันนานกว่าปี เธอย้ายไปอยู่ที่โบโลญญ่า ส่วนฉันก็ยังติดเกาะอยู่ที่อังกฤษ จนเมื่อซัมเมอร์ปีที่แล้ว ที่ฉันได้แวะไปเที่ยวโบโลญญ่าเป็นช่วงสั้นๆ แล้วตกหลุมรักจนตัดสินใจกลับไปอยู่ที่นู่นอีกเกือบปีนั่นแหละ ซาร่าชอบทำอาหาร ส่วนฉันชอบถ่ายรูปอาหารและกินอาหาร เราเลยคิดกันเล่นๆ ว่ามาถ่ายรูปอาหารทำหนังสือเล่นกันดีกว่า ระหว่างที่อยู่โบโลญญ่า เราเลยเจอกับเกือบทุกอาทิตย์ ซาร่าทำอาหารกลางวัน ฉันถ่ายรูป หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จเราก็มักจะเดินเข้าเมืองไปกินเจลาโต้เป็นของหวานกันต่อ la bella vita จริงๆ วันนี้จะพาไปชิมสูตรสปาเกตตี้ที่ซาร่าไปได้มาจากซิซีลี อาหารอิตาเลียนจานแรกที่เธอทำให้ฉันได้ชิม และตกหลุมรักในเจ้าพิสตาชิโอเพสโต้นี้ไปด้วย เนื่องจากเกาะซิซิลีนั้นมีชื่อเสียงในการปลูกพิสตาชิโอในเมืองเล็กๆ หลังภูเขาไฟเอทน่า (Etna) ที่มีชื่อว่าบรอนเต้ (Bronte) เหลือกิน จึงไม่น่าแปลกใจที่พิสตาชิโอจะถูกนำมาใส่ในเมนูของร้านอาหารหลายร้าน แต่เพราะราคาไม่ได้ถูก หลายครั้งที่ไปกินตามร้านอาหารจึงจะไม่ได้รสชาติแบบเต็มที่ พอทำเอง อยากใส่พิสตาชิโอเท่าไหร่ก็จัดไปได้เลย นี่จึงเป็นหนึ่งในเมนูที่คิดว่าทำเองอร่อยกว่าไปกินที่ร้านซะอีก ที่อิตาลี พิสตาชิโอเพสโต้นั้นมีวางขายตามซุปเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆ หรือร้านเดลิและไวน์บาร์หลายร้านที่ขายพวกซอสและเพสโต้คุณภาพดี แต่เจ้าเพสโต้ตัวนี้ทำเองได้ง่ายๆ แถมหลายครั้งยังอร่อยกว่าไปซื้อสำเร็จอีกด้วย เพราะเวลาซื้อสำเร็จส่วนมากเขามักจะใช้น้ำมันเมล็ดทานตะวันแทนน้ำมันมะกอกสกัดเย็น และปริมาณของพิสตาชิโอก็น้อย ไม่สะใจตนบ้าถั่วเอาซะเลย ถ้าจะทำเองที่บ้านนั้น แค่มีเครื่องปั่นแบบ food...

Read More

ไม่รู้ว่านี่จะเป็นปีสุดท้ายที่จะใช้ชีวิตอยู่ที่อังกฤษรึเปล่า แต่ที่แน่ๆ นี่คือปีสุดท้ายของการเรียนป.ตรี …ไม่รู้มหาลัยจะให้จบรึเปล่า แต่จ่า...

ไม่รู้ว่านี่จะเป็นปีสุดท้ายที่จะใช้ชีวิตอยู่ที่อังกฤษรึเปล่า แต่ที่แน่ๆ นี่คือปีสุดท้ายของการเรียนป.ตรี …ไม่รู้มหาลัยจะให้จบรึเปล่า แต่จ่ายค่าเทอมไปแล้วยังไงก็ต้องจบนะ ไม่จบไม่ได้จ้ะ หลังจากหนีหายจากลีดส์และประเทศอังกฤษไปเกือบแปดเดือน แถมก่อนไปอิตาลีเมื่อปลายปีที่แล้วยังมีความทรงจำที่ไม่ค่อยดีกับชีวิตที่นี่ อยากจะหนีออกจากเกาะอึมครึมแห่งนี้ให้ได้ พอตรงกลับมาอยู่ที่นี่ และต้องยอมรับความเป็นจริงนี้ ก็ยากไม่ใช่น้อยเลย ยิ่งชีวิตตอนอยู่อิตาลี โดยเฉพาะสามสี่เดือนก่อนกลับมาอังกฤษ เป็นอะไรที่ชิวและพีคสุดๆ เที่ยวทะเล ทำอาหาร ทำเค้ก ใช้ชีวิตแบบ la dolce vita สุดๆ ยังไม่นับว่านี่มีแฟนอยู่ที่อิตาลีอีกนะ ไม่มีโมเมนต์ไหนที่จะไม่อยากกลับมาอยู่อังกฤษเท่าตอนนี้อีกแล้ว work บางทีก็ต้องยอมรับ ว่าชีวิตไม่ได้อย่างที่ฉันต้องการเสมอไป ถ้าฉันเปลี่ยนอย่างอื่นไม่ได้ คงจะต้องเปลี่ยนมุมมองของตัวเอง ในความเซ็ง (ที่ต้องกลับมาอยู่ประเทศอึมครึม) ของฉัน ก็ยังมีโอกาสดีๆ ที่รอคอยมานานผ่านเข้ามา ฉันลองสมัครงานเล่นๆ ไปสองสามแห่ง ไม่ได้คิดจะหางานจริงจัง สมัครร้านขนมปังที่เคยไปเป็นอาสาสมัครตั้งแต่ปีแรกที่มาอยู่อังกฤษไปแล้วเขาก็ไม่รับ (เพราะรู้ว่าอีนี้หนีเที่ยวบ่อยล่ะมั้ง) ในใจก็คิดว่าจบละ เทอมสองเมื่อไหร่จะหนีออกจากอังกฤษ ไปทำโปรเจคต์อยู่ต่างประเทศให้เร็วที่สุดเลย แต่ไปไงมาไงไม่รู้ มาได้งานที่ไวน์บาร์ไฮโซในเมืองเฉยเลย ตอนส่งใบสมัครไปนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเปิดรับตำแหน่งไหนบ้าง รู้แต่ว่าที่ร้านขายชอคโกแลตยี่ห้อโปรด ก็เลยลองสมัครดู ที่นั้นเอง ที่สำคัญคืองานที่ได้นั้นไม่ใช่งานเด็กเสิร์ฟหรือแคชเชียร์ แต่เขาจะจ้างเราไปทำขนม! ตอบตกลงแบบไม่ต้องคิดมากเลยไงล่ะ ร้าน Friends of Ham ที่ฉันทำงานอยู่นั้นมีทั้งหมดสามสาขา สองสาขาเป็นออกแนวผับไฮโซ...

Read More

หลังจากที่ฉันได้ไปเป็น volunteer ผ่านเว็บไซต์ทั้ง WWOOF และ Workaway มาพอสมควรแล้ว เจอมาทั้งโฮสดีมาก งั้นๆ และแบบที่ไม่ชอบจนตัดสินใจออกมาก่...

หลังจากที่ฉันได้ไปเป็น volunteer ผ่านเว็บไซต์ทั้ง WWOOF และ Workaway มาพอสมควรแล้ว เจอมาทั้งโฮสดีมาก งั้นๆ และแบบที่ไม่ชอบจนตัดสินใจออกมาก่อน เห็นว่าหลายคนสนใจอยากไปเป็นอาสาสมัครแบบนี้ แต่ยังไม่กล้า อยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมจากคนที่เคยไปมาแล้วก่อน เลยอยากมาเล่าประสบการณ์ให้ฟังเล็กน้อย แนะนำว่าก่อนจะตัดสินใจไปที่ไหน ควรดูอะไรบ้าง และสิ่งที่ควรตรวจสอบก่อนตกลงจะไปทำงานกับโฮสต่างๆ เว็บอะไรดี? หลักๆ เลยมีสามเว็บที่ฉันรู้จัก คือ Wwoof, Workaway และ Helpx สามเว็บนี้แตกต่างกันอย่างไร? สิ่งที่ Wwoof แตกต่างจาก Workaway และ Helpx หลักๆ มีอยู่สองอย่าง คือวูฟนั้นเป็นองกรณ์อิสระ แต่ละประเทศมีเงื่อนไข กฎเกณฑ์แตกต่างกัน มีเว็บไซต์เฉพาะเป็นของประเทศตัวเอง เพราะฉะนั้นข้อเสียของวูฟคือสมัครสมาชิคแยกกันเป็นประเทศไป ในขณะที่ Workaway และ Helpx นั้นสมัครครั้งเดียวสามารถติดต่อโฮสได้ทั่วโลก และสองเว็บไซต์นี้ อาสาสมัครสามารถทิ้งรีวิวไว้ให้โฮสได้ ทำให้สมาชิกคนอื่นเห็นฟีดแบคจากคนที่ได้ไปอยู่ในที่นั้นๆ มาแล้ว เป็นส่วนช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น อีกอย่างหนึ่งคือ วูฟนั้นจะจำกัดเฉพาะโฮสที่เป็นฟาร์ม และออร์แกนิคเท่านั้น ในขณะที่อีกสองเว็บไซต์จะมีงานหลากหลายทุกรูปแบบ ทั้งดูแลบ้าน ทำงานในเกสต์เฮ้าส์ โฮสเทล ร้านอาหาร กิจกรรมชุมชน...

Read More

คาล่าโกโนเน่ (Cala Gonone) เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ขึ้นชื่อมากในซาร์ดีเนีย ตอนแรกฉันก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไม คิดว่าแค่เป็นเพราะว่ามีหาดทรายสวยๆ...

คาล่าโกโนเน่ (Cala Gonone) เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ขึ้นชื่อมากในซาร์ดีเนีย ตอนแรกฉันก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไม คิดว่าแค่เป็นเพราะว่ามีหาดทรายสวยๆ หลายแห่ง คงเป็นอีกวันให้ฉันนั่งเล่นนอนเล่น ไม่ต้องทำอะไรมากมาย แต่ผิดคาด ที่คาล่าโกโนเน่นี้ ฉันเดินจนเหนื่อย นี่ขนาดไปแค่หาดเดียวเองนะ ริมชายฝั่ง ระหว่างคาล่าโกโนเน่และตอร์ตอลิ (Tortorlí) มีหาดสวยๆ ชื่อดัง และถ้ำต่างๆ มากมาย จะเลือกไปเที่ยวหาดสวยๆ เหล่านี้ได้มีอยู่สองวิธี คือเดินหรือไม่ก็นั่งเรือ วันไหนโชคไม่ดี ลมแรง ทะเลแปรปรวน เรือออกไม่ได้ เหลือทางเลือกเพียงอย่างเดียวคือการเดิน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเดินไปได้ทุกหาดนะ เพราะบางหาดอยู่ไกล ถ้าไม่ขับรถเข้าไปไกลๆ แล้วเริ่มเดินจากตรงนั้น คือต้องเดินทั้งวันไม่ได้พักเล่นน้ำทะเลกันเลยทีเดียว แล้วอย่างงี้จะเดินไปชายหาดทำไมล่ะ จริงไหม? ฉันเลือกที่จะออกเดินจากตัวเมืองคาล่าโกโนเน่แต่เช้า มุ่งหน้าไปยังคาล่าลูน่า (Cala Luna) โฮสของฉันบอกว่าทางเดินสบายๆ ขึ้นเขา อยู่ในป่า ไม่ร้อนหรอก เลยคิดว่าเดินตอนกลางวันคงไม่เป็นไร ที่ไหนได้ แดดลงกลางหัวเกือบตลอดทางเลยป่ะ ฉันอดทนเดินต่อไปเรื่อยๆ กว่าสองชั่วโมง ปีนป่ายเปอะฝุ่นไปหมด ตอนแรกคิดวันนี้จะไม่ลงเล่นน้ำ ตั้งใจมาเดิน ใส่รองเท้าเดินป่ามาเต็มที่ ผ้าขนหนูก็ไม่มีมา แต่เดินไปได้ชั่วโมงนึงนี่ใจไปอยู่ในทะเลแล้ว อยากกระโดดลงน้ำเย็นๆ ล้างเหงื่อเหนียวเหนอะหนะออกจากตัวให้หมด มองลงไปจากบนภูเขาที่เดินอยู่แล้วเห็นคาล่าลูน่านี่เหมือนได้ค้นพบสวรรค์เลย ยิ่งตอนที่ต้องเดินผ่านพุ่มไม้ต่างๆ...

Read More

ตอนแรกก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะเมืองซานต้าเทเรซ่า (Santa Teresa) ทำไมแต่ไปถึงเมืองนี่แค่ไม่ถึงครึ่งวันฉันก็ตัดสินใจจะอยู่ต่ออีกคืนซะแล้ว ชอ...

ตอนแรกก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะเมืองซานต้าเทเรซ่า (Santa Teresa) ทำไมแต่ไปถึงเมืองนี่แค่ไม่ถึงครึ่งวันฉันก็ตัดสินใจจะอยู่ต่ออีกคืนซะแล้ว ชอบอะไรนักหนาในเมืองเล็กๆ แห่งนี้? หลังจากที่นั่งเล่น นอนเล่น อ่านหนังสือ ว่ายน้ำอยู่ริมหาดมาสองสามวันเริ่มเบื่อ พอมาถึงซานต้าเทเรซ่า โฮสของฉันขับรถพาไปยังคาโปเทสต้า (Capo Testa) ซึ่งอยูทางตะวันออกของเมือง เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยเส้นทางเทร็คกิ้งมากมาย ปีนป่ายขึ้นไปตามก้อนเห็นเล็กใหญ่ ชมวิวทะเลที่มองออกไปได้ไกลแบบไม่มีที่สิ้นสุด บวกกับลมเย็นๆ ที่พัดเข้ามาปะทะใบหน้า ฉันค้นพบอีกครั้ง ว่าตัวเองชอบกิจกรรมที่แอคทีฟนั่นเอง ให้นั่งเล่นนอนเล่นบนชายหาดเฉยๆ ไม่ค่อยชอบ เป็นพวกอยู่ไม่สุก ต้องขยับตลอดเวลา การได้มาเทรคกิ้งริมทะเล ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดี ให้ฉันหายเบื่อจากการอยู่เฉยๆ ริมหาด พูดง่ายๆ ว่าไปพักร้อนกินๆ นอนๆ แบบคนอื่นเขาไม่เป็นนั่นเอง หลังจากเดินวนรอบแนวโขดหิน ขึ้นไปบนประภาคารทั้งสองอันแล้ว เราก็เดินต่อไปยังหุบเขาพระจันทร์ หรือ Valle della Luna ซึ่งขึ้นชื่อว่ามีความฮิปปี้ค่อนข้างสูง ด้านในหุบเขามีคนอาศัยอยู่ตลอดทั้งปี อยู่ในเพิงบ้าง กางเต้นท์นอนบ้าง ช่วงหน้าร้อนก็จะมีคนอยู่เยอะหน่อย เดินไปเดินมาอาจจะได้กลิ่นกัญชาลอยมาแตะจมูกได้ (ที่อิตาลีสูบกัญชาผิดกฎหมาย แต่หลายครั้งเห็นคนสูปได้ทั่วไปตามท้องถนน โดยเฉพาะในเมืองโบโลญญ่าที่ฉันอยู่ ก็แปลกดีเหมือนกัน) ทางเดินเข้าไปในหุบเขานี้สวยมาก ยิ่งช่วงโพล้เพล้ประอาทิตย์ใกล้ตกดิน เหมือนทั้งหุบเขาต้องมนตร์ ทำให้ฉันต้องกลับมาอีกรอบในวันรุ่งขึ้น ปีนป่ายขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกบนหินก้อนใหญ่ คืนนั้นฉันมีโอกาสได้นอนบนเรือใบเป็นครั้งแรก เป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจไม่น้อย...

Read More

Flickr Images