Bentornata a Italia!

สวัสดีอีกครั้งนะอิตาลี ภายในหนึ่งปี ฉันได้กลับมาเหยียบประเทศนี้เป็นครั้งที่สี่แล้ว แต่ครั้งนี้นั้นแตกต่างจากครั้งก่อนๆ มากนัก เพราะมันคือ...


สวัสดีอีกครั้งนะอิตาลี

ภายในหนึ่งปี ฉันได้กลับมาเหยียบประเทศนี้เป็นครั้งที่สี่แล้ว แต่ครั้งนี้นั้นแตกต่างจากครั้งก่อนๆ มากนัก เพราะมันคือจุดเริ่มต้นการใช้ชีวิตในอิตาลีของฉันในอีกหกเดือนข้างหน้า

ใช่แล้วล่ะ คราวนี้ฉันจะมาอยู่อิตาลีถึงหกเดือนเต็มๆ!

แล้ววันแรกในอิตาลีของฉันคราวนี้ก็ช่างเป็นวันที่น่าจดจำเหลือเกิน

17:25

เครื่องบนลงจอดตรงเวลา ฉันเดินไปต่อปลายแถวของด่านตรวจคนเข้าเมือง ยืนรอไปเกือบครึ่งชั่วโมงก็แบกกระเป๋าเป้หนัก 15 โลของตัวเองออกมาได้สักที ออกไปขึ้นรถบัสเข้าไปในเมือง Bergamo ก่อนจะต่อแทรมและบัสอีกคันไปยังหมู่บ้านเล็กๆ นอกเมืองในขุนเขานามว่า Gazzaniga ที่ที่โฮสของฉันในช่วงสุดสัปดาห์นี้อาศัยอยู่กับครอบครัว

เกือบสองชั่วโมงหลังจากเครื่องลง ในที่สุดฉันก็มายืนอยู่ที่สถานีรถบัสของ Gazzaniga บรรยากาศมืดๆ หนาวๆ กับฝนที่ตกปรอยๆ ลงมาตลอดเวลา แสงแดดสดใสที่ฉันฝันหาหายไปไหมกันนะ?

แต่ตอนนี้ขอเข้าไปผิงไฟให้หายหนาวก่อนก็สวรรค์แล้ว

ฉันโทรหาโอลโม่ (Olmo) ตามที่เขาบอกว่าให้ฉันทำเมื่อมาถึงที่นี่ แล้วเขาจะมารับที่สถานีรถบัส

ปรากฏว่าโทรไม่ติดค่ะ

โทรไม่ติด ไม่มีที่อยู่ ไม่รู้จักใคร ไม่มีโฮสเทล อยู่กลางหมู่บ้านในหุบเขา กับกระเป๋าที่หนัก 15 กิโล

เยี่ยมไปเลย

ฉันลองส่งข้อความ ติดต่อไปทาง whatsapp แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ทางเลือกของฉันคือนั่งบัสกลับไปหาโฮสเทลนอนที่ Bergamo แล้วรถบัสเที่ยวสุดท้ายกี่โมงก็ไม่รู้นะ

ฉันรอไปรอมาอยู่แถวนั้นประมาณ 20 นาที สุดท้ายก็คิดว่าจ้องหาทางเอาตัวรอดด้วยตัวเองซะแล้ว

เดินไปที่บาร์หน้าสถานีรถบัส มีชายหญิงวัยกลางคนยืนสูบบุหรี่อยู่หน้าประตู เลยเดินเข้าไปถามว่าเนี่ย รู้จักครอบครัวนี้มั้ย แล้วเขาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ค่ะ (ไม่ได้หวังว่าจะพูดได้อยู่แล้ว) เลยได้ Google translate มาช่วยชีวิตไว้ พิมพ์เสร็จแล้วก็ยื่นโทรศัพท์ให้สองคนนั้นดู อ่านเสร็จเขาก็คุยกันเป็นภาษาอิตาเลียน สักพักมีผู้ชายหนุ่มหน่อยคนนึงเดินออกมาจากบาร์ สองคนนั้นก็ชี้ให้ฉันไปคุยกับหนุ่มหน้าใหม่เพราะเขาพูดภาษาอังกฤษได้ หลังจากที่สองคนนั้นอธิบายให้ผู้มาใหม่ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน เขาก็หันมาบอกฉันว่า “กำลังจะขับรถไปรับแฟน จะไปด้วยกันไหม?”

เอาวะ ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว อย่างน้อยก็มีแฟนแล้ว คงไม่ทำอะไรฉัน (แม้จะหน้าตาดีก็เถอะ)


คริสเตียน (Kristian) ย้ายมาจากอัลเบเนียพร้อมกับครอบครัวเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ตอนนี้เขาทำงานเป็นกราฟฟิคดีไซเนอร์และ art directer ส่วนวาเลนติน่า (Valentina) แฟนสาวเป็นลูกครึ่งโคลอมเบีย ตอนอยู่บนรถเราก็ลองโทรหาโอลโม่กันอีกครั้ง แต่ก็ยังติดต่อไม่ได้เช่นเดิม ฉันเลยกลับไปที่แฟลตของคริสเตียนกับทั้งสอง นั่งชิล ดื่ม aperitivo กันที่ห้องนั่งเล่นใต้หลังคาในแฟลต (ซึ่งน่ารักและอบอุ่นมาก) ก่อนจะสั่งพิซซ่ามากินกัน

แล้วโอลโม่ก็ติดต่อกลับมาจ้ะ

ปัญหามันอยู่ที่ว่าเว็บไต์มีความผิดพลาด บอกว่าฉันจะมาถึงวันอาทิตย์ที่ 3 กุมภา แต่คือมันไม่มีไง มีแต่วันศุกร์ที่ 3 กับวันอาทิตย์ที่ 5 เขาคิดว่าฉันจะมาถึงวันอาทิตย์ นี่เพิ่งตื่นนอนเพราะอาทิตย์นี้ทำงานกะกลางคืน

เขาบอกว่าจะมาบ้านเขาก็ได้นะ แต่เดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงเขาต้องออกไปทำงาน อยู่กับพ่อแม่เขาไปก่อน

แต่ฉันก็แบบ สั่งพิซซ่ามาแล้วยังไม่ได้กินเลยอ่ะ เลยบอกเขาไปว่าพรุ่งนี้ค่อยไปหาละกัน เดี๋ยวคืนนี้นอนบนโซฟาที่นี่เนี่ยแหละ

*แล้วก็หันไปทำไม้ทำมือบอกคริสเตียนกับวาเลนตินาว่าคืนนี้นอนที่นี่นะ ฮ่าๆ*

คืนนั้น เรากินพิซซ่า ดื่มไวน์หน้าเตาผิง ดูรูปจากไอพอด ลองใช้ iPen คุยเล่นกันไปเรื่อยๆ จนดึกดื่น

จากตอนแรกที่เกือบจะร้องไห้เพราะติดต่อใครไม่ได้ กลัวติดอยู่กลางสายฝน ไม่มีที่นอน สู่คืนแรกที่น่าจดจำในอิตาลี

ทุกครั้งได้ออกเดินทาง มันทำให้ฉันเชื่อมั่นในน้ำใจของคนแปลกหน้า ของเพื่อนร่วมโลก

You Might Also Like

2 comments

  1. เป็นคนนึงที่ชอบอ่านบลอคของเฟิร์นมากๆเลย มันเหมือนได้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องนี้ ชอบการผจญภัยของเฟิร์นมาก โอ๊ย คือเราชอบ ทุกบทความมีความละมุนสุดๆ เฟิร์นทำให้เรากลับไปเขียนไดอารี่ แล้วก็ทำให้ชีวิตการเรียนขิฝองเรามีความสุขขึ้นเยอะเลย

    ปล.แพนเค้กกล้วยหอมที่เคยขอสูตรไปพ่อเราปลื้มมากเลยแหละ ����

    ReplyDelete
  2. เป็นคนนึงที่ชอบอ่านบลอคของเฟิร์นมากๆเลย มันเหมือนได้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องนี้ ชอบการผจญภัยของเฟิร์นมาก โอ๊ย คือเราชอบ ทุกบทความมีความละมุนสุดๆ เฟิร์นทำให้เรากลับไปเขียนไดอารี่ แล้วก็ทำให้ชีวิตการเรียนขิฝองเรามีความสุขขึ้นเยอะเลย

    ปล.แพนเค้กกล้วยหอมที่เคยขอสูตรไปพ่อเราปลื้มมากเลยแหละ ����

    ReplyDelete

Flickr Images